โตโยต้าเชื่อนโยบาย “ทรัมป” ไม่กระทบเศรษฐกิจไทยโดยตรง

กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – นายเคียวอิจิ ทานาดะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เชื่อว่า นโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่ค่อยชอบจีนมากนักจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยทางอ้อม เพราะเศรษฐกิจไทยไม่เกี่ยวข้องกับสหรัฐโดยตรง แต่จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจจีนและกระทบต่อเนื่องมายังไทย  รวมถึงอาเซียน อย่างไรก็ตาม จีนมีประชากรมากสุดในโลกพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ สุดท้ายเชื่อว่าจีนจะสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้ ดังนั้น จึงเชื่อว่าผลกระทบอาจจะมีไม่มาก


ส่วนผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ ประเมินว่า นโยบายเน้นเศรษฐกิจภายในสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อฐานการผลิตรถยน์โตโยต้าในประเทศญี่ปุ่นที่บางส่วนผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายสหรัฐ ซึ่งทางโตโยต้าจะปรับตัวเพิ่มยอดการผลิตรถยนต์ในสหรัฐที่ผลิตมากอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้นไปทดแทน

สำหรับเศรษฐกิจไทย ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา คือ ราคาพืชผลทางการเกษตร เพราะหากราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา หรือผลไม้ เป็นต้น ได้รับผลกระทบราคาตกต่ำก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยและจะส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ตามไปด้วย แต่โตโยต้าเชื่อว่าตลาดรถยนต์ในไทยปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนตลาดรถยนต์ไทยในอนาคตจะเป็นตลาดรถยนต์ไฮบริด ปัจจุบันยังมียอดรถยนต์ไฮบริดไม่มาก


ในวันนี้ (23 ม.ค.) นายทานาดะ พร้อมด้วยนายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นายศุภรัตน์  ศิริสุวรรณางกูร ที่ปรึกษาบริหารอาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ยังร่วมแถลงข่าวแนะนำรถยนต์นั่งขนาดเล็กยอดนิยม “New VIOS… All IS POSSIBLE”  โตโยต้าผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กและประสบความสำเร็จสามารถครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขายสะสมตั้งแต่เปิดตัวจนถึงปัจจุบันมากกว่า 847,910 คัน (ยอดขายถึงเดือนธันวาคม 2559)

นายเคียวอิจิ กล่าวว่า รถยนต์ VIOS เป็นผลิตภัณฑ์ที่แนะนำเข้าสู่ตลาดไทยนานกว่า 20 ปี ได้รับการตอบรับอย่างดีครั้งนี้ภูมิใจนำเสนอ VIOS ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาจากความร่วมมือของวิศวกรชาวไทยและชาวญี่ปุ่นร่วมกันออกแบบให้ VIOS ใหม่มีความหรูหรา ล้ำสมัย ทั้งภายนอกและภายใน มีความคุ้มค่าและมาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน รวมถึงความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม

นายศุภรัตน์ เปิดเผยว่า VIOS ถือเป็นรถยนต์นั่งขนาด 1.5 ลิตรที่อยู่คู่กับคนไทยมานานกว่า 20 ปี และเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของคนไทยและปรับองค์ประกอบ อีกทั้งดีไซน์ให้เข้ากับลูกค้าเป้าหมายคนไทยมากขึ้น จึงให้ทีมวิศวกรไทยมีส่วนร่วมในการพัฒนารถยนต์ VIOS ใหม่นี้ด้วย เริ่มต้นด้วยการออกแบบภายนอกที่ปรับเปลี่ยนเพิ่มความหรูหรา ทันสมัยอย่างลงตัว และการออกแบบภายในที่มีดีไซน์ สปอร์ตหรู ด้วยวัสดุตกแต่งคุณภาพสูงและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยเครื่องยนต์ DUAL VVT-i ขนาด 1.5 ลิตร ให้สมรรถนะที่เต็มพลัง พร้อมรองรับน้ำมัน E85 เน้นความประหยัดน้ำมัน เกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift ตอบสนองต่อการใช้งานอย่างดี และทำให้การขับขี่นุ่มนวลราบรื่น นอกจากนี้  ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ


นายวุฒิกร เปิดเผยว่า วันนี้ VIOS มียอดขายสะสมกว่า 847,910 คัน นับเป็นส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 40 และมียอดขายรวมเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาด 1.5 ลิตร  VIOS ใหม่นี้เป็นรถยนต์ Subcompact Sedan ที่สมบูรณ์แบบอย่างเหนือระดับ สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการรถยนต์เพื่อตอบสนองทุกการใช้งานทั้งในเมืองและเดินทางไกลได้อย่างดีเยี่ยม จึงเป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาดภายใต้แนวคิด “New VIOS… All IS POSSIBLE  ทุกสิ่งสามารถ ทุกทางเป็นไปได้” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของรถยนต์ VIOS ใหม่ ควบคู่ไปกับสะท้อนให้เห็นถึงผู้ขับขี่ที่สามารถทำทุกสิ่งให้สำเร็จได้อย่างที่ต้องการ โดยจะใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นให้เกิดการรับรู้ต่อแบรนด์สูงสุด ด้วยแผนการสื่อสารการตลาดที่ครอบคลุมทุกช่องทาง พร้อมการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ โตโยต้ายังมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าเพื่อร่วมสัมผัสและทดลองขับรถยนต์ VIOS  ใหม่ ในวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2560 พร้อม ลุ้นรับ iPhone7 รวม 100 รางวัล และข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าโตโยต้าเมื่อซื้อรถยนต์ VIOS ใหม่ ได้ที่โชว์รูมโตโยต้า 464 แห่งทั่วประเทศ โดย VIOS ใหม่  มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น 6 สี และมีเป้าหมายการขายที่ 2,600 คันต่อเดือน” และแม้รุ่นใหม่จะปรับราคาเพิ่มขึ้น แต่ราคาที่ขึ้นไปเชื่อว่าคุ้มค่าน่าใช้ที่สุดกับสิ่งที่ลูกค้าได้รับ และระดับราคาที่ตั้งไว้สามารถแข่งขันได้ท่ามกลางการแข่งขันของตลาดรถยนต์ที่ทวีความรุนแรงเพราะมีการเปิดตัวแนะนำรถใหม่ พร้อมกันในหลาย ๆ ค่าย  สำหรับปีที่ผ่านมา VIOS  มียอดจำหน่ายรวม 21,800 คัน แต่เป็นปีที่ผิดปกติเล็กน้อย เพราะในช่วง 4 เดือนแรกหยุดการผลิตเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ให้ตอบรับมาตรฐานการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ใหม่ ด้านส่วนแบ่งตลาดรถประเภท B ของโตโยต้าปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับร้อลยละ 29-30  ปีนี้เชื่อว่าการส่งออก VIOS ปีที่แล้วมียอดรวม 38,000 คัน

นายทานาดะ  กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้เชื่อว่า VIOS ใหม่ จะตอบสนองทุกความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าอย่างเหนือความคาดหมาย รวมถึงยังสร้างความภาคภูมิใจในการครอบครอง และเป็นอีกหนึ่งความสุขขอมอบให้ให้กับลูกค้าและสังคมไทย และเชื่อว่าปีนี้จะรักษาความเป็นที่ 1 เอาไว้ได้

สำหรับราคารถยนต์ VIOS ใหม่ มี 4 รุ่น และ 6 สี (Red Mica Metallic/ Super White/ Silver Metallic/ Gray Metallic/ Attitude Black Mica/ Quartz Brown Metallic) 1.5 S  เกียร์อัตโนมัติ  789,000 บาท รุ่น 1.5 G เกียร์อัตโนมัติ  729,000 บาท รุ่น 1.5 E เกียร์อัตโนมัติ 679,000 บาท และรุ่น 1.5 J เกียร์อัตโนมัติ  609,000 บาท ผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสและทดลองขับรถยนต์ VIOS ใหม่ที่ ศูนย์ทดสอบขับรถ Toyota Driving Experience (บางนา กม.3)หรือที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่าย โตโยต้า 464 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป. –สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดข้อเสนอสุดท้าย ทีมไทยแลนด์ ต่อรอง “ทรัมป์”

1 ส.ค. – เปิด 10 ข้อเสนอของทีมไทยแลนด์ ที่นำไปต่อรองกับสหรัฐ จนนำไปสู่การปิดดีลภาษีนำเข้าในอัตรา 19% จากที่ก่อนหน้านี้ถูกขู่ว่าจะเก็บสูงถึง 36% นอกจากตัวเลขภาษีนำเข้า สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนต้องการรู้ นั่นก็คือข้อเสนอของทีมไทยแลนด์ ที่นำไปต่อรองกับสหรัฐ จนนำไปสู่การปิดดีลที่ 19% โดยสิ่งที่ไทยยอมแลก 10 ข้อหลักมีดังนี้ เรียกว่า ไทยยอมแลกหลายมิติ ทั้งเปิดตลาดให้สหรัฐ มากขึ้น ยกเว้นภาษีเกือบหมด, เพิ่มการนำเข้า, และร่วมมือด้านความมั่นคง แลกกับการที่ “ภาษีตอบแทน” ที่สหรัฐจะเก็บจากไทย ลดลงจาก 36% เหลือ 19%.-สำนักข่าวไทย

เคลียร์ BM21 หมู่บ้านกระสุนตก 5 ลูก อ.น้ำยืน อุบลฯ

อุบลราชานี 1 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ทำลายหัวกระสุน BM21 ที่ทหารกัมพูชายิงเข้ามาตกในหมู่บ้านชายแดน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทั้งหมด 5 ลูก มีทั้งที่ยังไม่ระเบิด และทำงานไม่สมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดทำลายหัวกระสุน BM21 ที่ทหารกัมพูชายิงเข้ามาตกในหมู่บ้านชายแดน ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ซึ่งจากการสำรวจพื้นที่ ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ใน 8 หมู่บ้าน 24 จุด พบกระสุน BM21 ทั้งหมด 5 ลูก มีทั้งที่ยังไม่ระเบิด และพร้อมทำงาน โดยในช่วงเช้าทำลาย 3 จุด จุดแรกอยู่บริเวณริมถนนสายน้ำยืน นาจะหลวย เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนทั้ง 2 ฝั่ง ก่อนขุดดินด้านบนแล้วหย่อนระเบิด C4 ลงไปในหลุมที่หัวกระสุน BM21 ตกแต่ไม่ระเบิด จากนั้นจึงจุดชนวนทำลายระเบิด ใช้เวลาเพียง 20 นาที หัวกระสุนถูกทำลายโดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จุดที่ […]

ทูตทหาร 23 ประเทศ ลงพื้นที่จุดกัมพูชายิงถล่ม

ศรีสะเกษ 1 ส.ค. – วันนี้คณะทูตานุทูตและทูตทหาร รวม 23 ประเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในพื้นที่ถูกกัมพูชาโจมตี และศูนย์พักพิง การลงพื้นที่ในวันนี้ทางประเทศไทยต้องการให้คณะทูตทั้ง 23 ประเทศได้เห็นข้อเท็จจริงและนำไปเผยแพร่ให้ประชาคมโลกได้รับรู้ จุดแรกคือปั๊ม ปตท.บ้านผือ ที่ถูกกัมพูชายิงจรวด BM21 โดยนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ บรรยายสรุปให้คณะได้รับฟังถึงเหตุการณ์วันแรกที่เกิดขึ้นและเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีญาติผู้สูญเสียนำรูปผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว บอกเล่าเหตุการณ์ความสูญเสียจากที่เกิดขึ้นต่อคณะทูตานุทูตผ่านล่าม พร้อมเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตที่ผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย จากนั้นคณะทูตทหาร เดินทางลงพื้นที่ ต่อไปยังจุดกระสุนตกใส่พลเรือน ที่อาคารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลชำเม็ง อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ส่งผลทำให้อาคาร รพ.สต. เสียหาย ที่นี่ ยังมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีเด็กเล็กอยู่ประจำกว่า 30 คน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากทางจังหวัดได้ประกาศให้ชาวบ้านอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยหรือศูนย์พักพิงชั่วคราว ตั้งแต่ 24 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่ทางทหารกัมพูชาเปิดฉากยิง โดยนางเข็มจิรา จันทร์ทอง ผอ.รพ.สต.บ้านชำเม็ง บอกว่าถ้าวันนั้น หากยังไม่มีการอพยพ […]

ชาวบ้านผวาโดรนปริศนา บินว่อนพื้นที่บุรีรัมย์

บุรีรัมย์ 1 ส.ค. – ชาวบ้านหลายอำเภอในจังหวัดบุรีรัมย์ ผวาพบโดรนปริศนาบินว่อนหลายพื้นที่ เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ หวั่นเป็นของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาบินสอดแนม ชาวบ้านหลายพื้นที่ของจังหวัดบุรีรัมย์ต่างหวาดผวา หลังยังพบโดรนปริศนาจำนวนหลายลำบินว่อนในหลายอำเภอ เช่น อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ละหานทราย อ.ประโคนชัย และ อ.บ้านกรวด แต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ถึงที่มาที่ไปของโดรนว่ามาจากไหน เพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอน หากเป็นของคนไทยก็จะนำตัวมาสอบถาม จุดประสงค์ในการบิน และอาจถูกดำเนินคดี เนื่องจาก ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ได้ออกประกาศห้ามอากาศไร้คนขับหรือโดรนบิน ในช่วงนี้เด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย แต่หากเป็นโดรนฝ่ายกัมพูชาที่ลักลอบบินเข้ามาสอดแนมหรือจับพิกัดเป้าหมายสำคัญในไทย เจ้าหน้าที่จะเร่งหามาตรการป้องกันสกัดกั้น เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของชาติ สำหรับภาพรวมสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย หลังเจรจาหยุดยิง ขณะนี้ยังไม่พบการปะทะกันขึ้น แต่โรงเรียนในพื้นที่แนวชายแดนทั้ง อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย รวม 85 แห่ง ยังคงปิดทำการเรียนการสอนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่จังหวัดยังไม่มีประกาศให้ชาวบ้านกลับเข้าบ้านพักได้ เพราะสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ ประกอบกับต้องเคลียร์พื้นที่ก่อนเพราะมีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่มากกว่า 240 ลูก.-สำนักข่าวไทย