สุราษฎร์ธานี 26 ม.ค.- นายกรัฐมนตรีพบปะชาวสุราษฎร์ฯ อย่างเป็นกันเองที่มาต้อนรับกันเนืองแน่น ย้ำช่วยผู้เดือดร้อนน้ำท่วมเต็มที่ ก่อนล่องเรือตรวจแม่น้ำตาปี ขณะที่ชุมชนบ้านหนองจอกเรียกร้องยกถนนให้สูงหนีน้ำท่วม
บรรยากาศที่โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน มีประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มารอรับคณะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (26 ม.ค.) อย่างเนืองแน่น โดยนายกรัฐมนตรีได้พบปะประชาชนอย่างเป็นกันเอง และยืนยันว่ารัฐบาลให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่้ พร้อมกันนี้ได้มอบเงินเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต 15 ราย ๆ รายละ 50,000 บาท และถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะลงเรือที่บริเวณท่าเรือโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี เพื่อไปตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบอุทกภัยตลอดสองฝั่งแม่น้ำตาปี และเยี่ยมประชาชนที่มัสยิดอิกอมุสซอลาฮ์ (อิ-กอ-มุด-ซอ-ลา) หมู่ 4 บ้านหนองจอก ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน เพื่อให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ โดยมีนายรอมฎัน หะสะเมาะ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอิหม่ามให้การต้อนรับ
นายปรีชา การีซอ อิหม่ามประจำมัสยิดอิกอมุสซอลาฮ์ กล่าวว่า หลังจากแม่น้ำตาปีล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่สูง 2 เมตร ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนจะค่อยๆ ลดระดับลงทำให้บ้านเรือน โรงเรียนและมัสยิดได้รับความเสียหาย ชาวบ้านเดือดร้อน 1,000 คน โดยเฉพาะบ้านหนองจอกเป็นชุมชนชาวมุสลิม 400 คน และมีมัสยิดถึง 2 แห่ง จึงขอเสนอให้ยกระดับถนนให้สูงขึ้น เพื่อความสะดวกในการเดินทางหรืออพยพเมื่อเกิดน้ำท่วม รวมทั้งการสร้างเขื่อนกันน้ำริมตลิ่ง เนื่องจากปัจจุบันถูกน้ำกัดเซาะพื้นที่เสียหายประมาณ 10 เมตร
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เดินทางโดยรถยนต์ไปยังกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ส่วนหน้า) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งภารกิจในช่วงบ่ายจะเป็นการประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมอบนโยบายและติดตามการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน.-สำนักข่าวไทย