สังศิต ชี้สินบนโรลส์รอยซ์ เป็นการฟอกเงินระดับประเทศ

19857419สำนักงาน กกต. 27 ม.ค.- “สังศิต” ชี้ ปัญหาสินบนโรลส์รอยซ์ เป็นการฟอกเงินระดับประเทศ  ไม่ใช่แค่เรื่องการคอรัปชั่น  ระบุไทยเป็นสมาชิกยูเอ็น และทำข้อตกลงความร่วมมือกำหนดมาตรฐานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน  ทำให้การฟอกเงินไม่มีอายุความ สามารถจัดการกับผู้ร่วมคอร์รัปชั่นในประเทศไทยได้  กรรมการ ปปช. โวย เอาข้อมูลมาเปิดเผยส่งผลต่อรูปคดี และทำให้ยากในการประสานข้อมูลต่างประเทศ และความไว้วางใจ


ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กกต. ว่าเมื่อเวลา 9.00 น. สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.8)  จัดอภิปรายเรื่อง “คอร์รัปชั่นกับปัญหาในการพัฒนาประเทศ” โดยนายสังศิต  พิริยะรังสรรค์ สปท. และคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า สถานการณ์โลกไปไกลกว่า  หัวข้อคอรัปชั่นมีผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างไร  เนื่องจากคอรัปชั่นเปลี่ยนแปลงความหมายในตัวเองไปตลอดเวลา   เพราะนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐมีการเปลี่ยนรูปแบบตลอด   จนนิยามการคอรัปชั่นของยูเอ็นก็ยังต้องเปลี่ยน   ของไทยก็พยายามเปลี่ยนมาตรการรับมือ แต่ไม่ทัน  เพราะยังมีคนค้าน พ.ร.บ.ผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่   ขณะที่โลกก้าวไปอีกก้าวไปถึงเรื่องการฟอกเงิน  เขามองว่าเงินสกปรกที่ได้มา  หากเข้ามาหมุนในระบบเศรษฐกิจจะถือเป็นการฟอกเงิน   หากทุจริตมาแล้วเก็บยังไม่ถือเป็นการฟอกเงิน

“เรื่องสินบนโรลส์รอยซ์กำลังทำให้เกิดความสะเทือนอย่างหนัก   ขอทำนายว่าหากสองสามเดือนข้างหน้าแก้ปัญหาไม่ตกจะเกิดปัญหามโหฬาร  คนไทยจะตกอยู่ในภาวะลำบาก เพราะมีข่าวว่าการทุจริตฉุดความเชื่อมั่น  ในขณะที่ยูเอ็นจับมือกันสู้ไม่ใช่แค่คอรัปชั่น  แต่เขาจะจับเรื่องการฟอกเงิน   ประเทศมหาอำนาจจะเริ่มควบคุมการให้สินบนประเทศต่าง ๆ โดยจะถือเป็นการฟอกเงิน”  นายสังศิตกล่าว


นายสังศิต  กล่าวว่า ที่เราเผชิญหน้าเรื่องสินบนโรลส์รอยซ์   ซึ่งต้นเรื่องเกิดขึ้นจากบริษัทแม่ที่อังกฤษ  กับบริษัทลูกด้านพลังงาน   ที่รัฐโอไฮโอสหรัฐ   อย่างที่ทราบข่าวว่าสินบนโรลส์รอยซ์ ขอยอมเสียค่าปรับ 170  ล้านดอลล่าร์ให้สหรัฐ และ 605 ล้านดอลล่าร์ให้อังกฤษ  และให้บราซิลอีก 25 ล้านดอลล่าร์  รวมว่า 800 ล้านดอลลาห์   ทั้งสองประเทศให้จับมือกันโดยมีเอกสารมัดราว 30 ล้านแผ่น  จนโรลส์รอยซ์ไม่สู้  แต่ประเทศไทยยังไม่ดำเนินการทำอะไรเลยทั้งที่มีเอกสาร  52 แผ่น  ที่เกี่ยวข้องกับ ปตท. และ ปตท.สผ.  กับ 40 แผ่นที่เกี่ยวข้องกับการบินไทย   เอกสารที่เกี่ยวข้องสรุปว่ามีการจ่ายเงินติดสินบนในสองหน่วยงาน   ถามว่าทำไมในต่างประเทศเขาจับได้  แต่ในประเทศไทยจับไม่ได้ต้องไปขอข้อมูลขอความร่วมมือ  เพราะสหรัฐมี 2 หน่วยงานตรวจสอบ  คือ กลต. เป็นหน่วยงานตรวจสอบบัญชี  และกระทรวงยุติธรรม  เป็นหน่วยงานยึดทรัพย์แยกจากกันเพื่อถ่วงดุล   แต่ของไทยพิลึก  คือ ป.ป.ง.  ทำทั้งตรวจสอบและอายัดทรัพย์   ทั้งที่การตรวจสอบการฟอกเงินต้องคำนึงถึงระบบการถ่วงดุล  อย่าให้องค์กรใดมีอำนาจเบ็ดเสร็จองค์กรเดียว

นายสังศิต  ยังกล่าวว่ากรณีของไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับสินบน 11 ล้านดอลล่าร์  จากสัญญาจ้าง 7 โครงการ  ถือเป็นหน่วยงานรัฐบาลและถูกตีความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ   ปัญหาของเราคือเราเพิ่งแก้กฎหมาย ป.ป.ช.  ในยุครัฐบาลนี้ให้รวมเอกชนที่ให้สินบนมีความผิดทุจริตด้วย   จากเดิมเพียงนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น  ตรงนี้ยังมีความผิดปรกติในกฎหมาย ป.ป.ง. คือปี 2550  คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน  หรือ องค์กร FATF ตรวจสอบ ป.ป.ง.  พบว่าทำไมมีเพียงองค์กรเดียวที่ใช้อำนาจ  และเสนอว่าควรให้ ป.ป.ช. ปปท. กับดีเอสไอ ร่วมบังคับใช้กฎหมายด้วย

นายสังคิต  กล่าวว่า คำถามที่ว่าบางคดีทั้งแพ่งและอาญาในกรณีสินบนโรลส์รอยซ์  ที่หมดอายุความจะไปดำเนินการอย่างไร   สำหรับประเทศไทยมีทางออก   คือ การที่เราเป็นสมาชิกยูเอ็น   ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกำหนดมาตรฐานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน    มีการระบุว่าการฟอกเงินไม่มีอายุความถ้าเราเอามาใช้ก็จะสามารถจัดการกับผู้ร่วมคอร์รัปชั่นในประเทศไทยได้    ทั้งนี้มาตรการที่เราไปตกลงกับยูเอ็นในปี 2549   ระบุว่าการจัดซื้อของรัฐ  และการจัดการเงินของรัฐบาลหากกระทำผิดถือเป็นการฟอกเงิน   ถามว่ากระบวนการที่ ปตท. และการบินไทยสำเร็จตามที่  FATF กำหนดหรือไม่  พบว่าองค์ประกอบสำเร็จทั้ง 3 ขั้นตอนตามกระบวนการฟอกเงิน   คือนำเข้าสู่ระบบการเมือง  มีการปิดบังอำพราง  และมีการนำเงินนี้กลับสู่ระบบเศรษฐกิจที่ถูกกฎหมาย   ถือว่าครบตามกรอบของ FATF  จึงเข้าข่ายกระบวนการฟอกเงิน


นายสังศิต  ยังกล่าวยืนยันว่ารัฐบาลไทยมีสิทธิ์ขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามพันธกรณีอนุสัญญา FATF  โดยยังมีเงินอีกก้อนที่ส่งไปสิงคโปร์ที่เกี่ยวกับ ปตท. ปตท.สผ. และการบินไทย   ซึ่งมีเอเชียแปซิฟิกกรุ๊ป  หรือ  APG  ที่ก่อตั้งขึ้น  มีพันธกรณีที่สิงคโปร์ต้องเอาข้อมูลให้รัฐบาลไทย   ถ้าไม่ให้ทั้งสหรัฐและสิงคโปร์ก็มีความผิด   และตามข้อเสนอแนะ 40 ประการของ  FATF ระบุชัดว่าประเทศที่เป็นสมาชิกห้ามขัดขวางการขอข้อมูล   ดังนั้นถ้ารัฐบาลไทยขอ  ต้องให้  และข้อมูลการเงินระหว่างประเทศและในประเทศต้องเก็บไปอย่างน้อย 5 ปี   และประเทศไทยยังสามารถขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสหรัฐฯ และหากไม่ขอจะถือว่ามีความผิดด้วยฐานช่วยปกป้องคนทุจริต

นายสังศิต   ยังกล่าวว่า  เรื่องนี้จะมีการตรวจสอบอีกครั้งว่ามีการทำตามข้อตกลงเสร็จสิ้นหรือไม่   ตอนนี้ ปปง. มีเวลาเหลือแค่ 27 สัปดาห์   หาก ปปง. ไม่ยอมทำ  จะเป็นเดิมพันของทั้งประเทศที่มีเจ้าหน้าที่ไทยรับผิดชอบอยู่คนเดียว   และสัปดาห์แรกของพฤษภาคมปีนี้   หาก ปปง. ไม่แก้ไขตามข้อเสนอแนะอันเกี่ยวเนื่องกับพันธสัญญาระหว่างประเทศดังกล่าว   สิ่งที่เกิดขึ้นคือจะมีการถูกลงโทษ   เพราะถือว่าระบบธนาคารไทยไม่โปร่งใส   กลายเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงจากการฟอกเงิน  และจะถูกตัดออกจากประเทศร่วมค้าในระบบการเงิน   แปลว่าธนาคารไทยจะทำธุรกรรมกับหลายประเทศไม่ได้   ทำให้สถาบันการเงินไทยเกิดภาวะไม่มั่นคง  นี่คือมรสุทมใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลนี้กำลังเผชิญในต้นพฤษภาคมนี้

“มีเจ้าหน้าที่เพียง 1 คน ที่กำลังตัดสินใจที่เกี่ยวพันกับชะตากรรมของประเทศ  ผมขอให้สัญญาณกับรัฐบาล  ขอให้นายกรัฐมนตรีรีบดำเนินการ   เพราะในปี 2559 ประเทศไทยถูกจัดลำดับความเสี่ยงที่ 156   อยู่ในความเสี่ยงอันดับ 4  ถือว่าอยู่ในช่วงอันตรายแล้ว   อยากฝากถึงรัฐบาลขอให้รีบจัดการให้ประเทศไทยก้าวพ้นมรสุม   จากภัยพิบัติทางการเงิน”  นายสังศิตกล่าว

อย่างไรก็ตามนายสังศิต  ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลจะต้องเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ และจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยต้องเอา ป.ป.ช.  ปปท. และดีเอสไอ. เข้ามามีส่วนร่วมตามข้อเสนอของ FATF   ไม่ใช่เอา ป.ป.ท. ดีเอสไอ. ออกไปจากการตรวจสอบเหมือนเป็นอยู่ในปัจจุบัน และต้องมีการเปลี่ยนอำนาจของ ป.ป.ง. ใหม่  ให้มีอำนาจเฉพาะยึดทรัพย์และอายัดเท่านั้น  เพื่อให้มีการถ่วงดุลกันระหว่างองค์กร   ดังนั้นรัฐบาลควรใช้มาตรา 44 ในการแก้ไขกฎหมาย เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการฟอกเงินให้ทันสถานการณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างฟังการอภิปราย  นายสุรศักดิ์  คิรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช.   ผู้รับผิดชอบคดีโรสรอยส์  ในฐานะนักศึกษา พตส. 8  ได้ขอโอกาสในการชี้แจง    กล่าวว่าองค์กรตรวจสอบเดี๋ยวนี้มีภาระหน้าที่ตามกฎหมาย   สิ่งที่เจ้าหน้าที่แถลงนั้นเพียงบางส่วนในสำนวนการสอบสวนเปรียบเทียบปรับเท่านั้น   กฎหมายเขาให้เปรียบเทียบปรับได้   แต่ของไทยต้องไปขึ้นศาล   เอกสารต่าง ๆ มีกระบวนการที่เปิดเผยไม่ได้   เอกสารที่เอามาอ่านยังไม่รู้ว่าเป็นเอกสารทางการหรือไม่   บางทีก็เข้าสำนวนสอบสวนไม่ได้   ไม่ใช่ว่าสำนวนเหล่านี้ศาลไทยจะรับฟัง   ตนไม่สามารถนำข้อมูลมาเปิดเผยเพราะมีกฎหมายบังคับไว้  ที่ว่าจะขอข้อมูลยังต้องไปดูกฎหมาย  มันยังมีรายละเอียดมากมายที่คนมีหน้าที่เขาต้องอ่าน

นายสุรศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า   การเอาคดีเหล่านี้มาพูด หรือมาเปิดเผย  มันจะทำให้อีกฝ่ายใช้โอกาสนี้เป็นช่องทางนำไปสู้คดีในชั้นศาล   การเปิดเผยข้อมูลเขามีกฎหมายและมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ   เขายังไม่รู้เลยว่าในบ้านเรามีหน่วยงานไหนที่รับผิดชอบ ที่จะดำเนินการตรวจสอบ การที่จะขอเอกสารยังต้องให้กระทรวงการต่างประเทศรับรอง   การที่เรารับข้อมูลต่าง ๆ แล้วมาวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน่วยงานที่รับผิดชอบอาจไม่ถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]