กรุงเทพฯ 25 ก.ย. – “เอกนิติ” รองนายกฯ ย้ำ “ฟื้นสั้น มุ่งยาว” นำร่อง “คนละครึ่ง พลัส” คลังพร้อมฟื้นความเชื่อมั่น หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลด Outlook ความน่าเชื่อถือไทยเป็น “เชิงลบ”
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกระทรวงการคลัง เพื่อเข้าทำงานวันแรก กล่าวย้ำว่านายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ดูแลด้านเศรษฐกิจในช่วงการทำงานระยะสั้น จึงต้องเร่งผลักดันโยบาย Quick-big win เร่งจัดทำโครงการให้ใหญ่ แต่ได้ผลรวดเร็ว เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ด้วยการรักษาวินัยการเงินการคลัง หวังฟื้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่เห็นผลในระยะยาวด้วย เช่น โครงการคนละครึ่ง รัฐบาลมุ่งจัดทำแบบ “คนละครึ่ง พลัส” เริ่มเดือนตุลาคม 68 นี้แน่นอน เตรียมเสนอ ครม.ในสัปดาห์ที่ 2 หลังรัฐบาลเริ่มทำงาน โดยใช้เงินงบประมาณ มุ่งรักษาวินัยการคลัง โดยคนอยู่ในระบบภาษีได้สิทธิมากกว่า คือ ใช้เงินซื้อของเพียงร้อยละ 40 ที่เหลือรัฐบาลจ่าย ตามที่นายกฯ ระบุไว้ ส่วนคนนอกระบบภาษีได้สิทธิ์ซื้อสินค้าคนละครึ่ง ในระยะยาวคนจะได้เข้าระบบภาษีมากขึ้น อีกด้านหนึ่งจะยกระดับพ่อค้า แม่ค้า ผู้เข้าร่วมโครงการ เช่น พ่อค้าหมูปิ้งขายได้เพียงปากซอย ต้องขายไปเพิ่มหลายสิบซอย เมื่อขายออนไลน์เป็น เพราะยุคนี้ขายออนไลน์ได้รับความนิยม นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม แบบไม่ต้องมานั่งจดบันทึก ฝึกหัดในเรื่องจัดทำบัญชี การรับรู้ต้นทุน แบบง่าย ๆ ทำให้ธนาคารปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น
“หัวใจของนโยบายเศรษฐกิจ ที่ได้รับมอบหมาย คือ ฟื้นเศรษฐฏิจให้เร็ว แบบ Quick-big win ฟื้นสั้น ด้วยคนละครึ่ง มุ่งยาว ด้วยการยกระดับศักยภาพ ผู้ประกอบการรายย่อย ให้คนไทยเก่งขึ้น ให้มีความสามารถหารายได้มากขึ้น และกระจายตัวทั้งประเทศ นี่คือโครงหลักด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลเตรียมออกอีกหลายมาตรการเพิ่มเติม เช่น การยื่นคำขอบีไอโอ ทำได้สะดวก เมื่อปลดล็อกกฎ กติกา ขอใช้น้ำประปา ไฟฟ้า หลายใบอนุญาต ทำให้เอกชนลงทุนได้จริง เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายแห่งอนาคต รัฐบาลมีแหล่งเงินอีกหลายด้าน โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ มารองรับอีกหลายนโยบายด้านเศรษฐกิจ ” นายเอกนิติ กล่าว

แนวทางใดทำได้ให้รีบดำเนินการ เช่น การแก้ไขกฎหมาย และสิ่งที่อยากทำมากๆ คือ การตอบโจทย์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ การยกระดับธรรมาภิบาลในภาคส่วน ทุกนโยบายต้องรักษาวินัยทางการคลัง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ทุกนโยบายจะระบุว่ามีต้นทุนเท่าไร มีประโยชน์อย่างไร แจงได้อย่างละเอียด มีกรอบชัดเจน โดยจะปรับครั้งใหญ่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันจัดอันดับเครดิตหลายแห่งทั่วโลก เพื่อให้มีวินัย โปร่งใส ธรรมาภิบาล หากมาตรการใดทำไม่ได้ ต้องจัดทำเป็นแผนเอาไว้ งบปี 69 ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่เปลี่ยนมาเป็นใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงเป้าหมายมากขึ้น
นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ปรับลดมุมมอง (Outlook) ความน่าเชื่อถือไทยเป็น “เชิงลบ” (Negative) แต่คงอันดับเครดิตเรตติ้งไว้ที่ BBB+ นั้น ยอมรับว่า คำเตือนของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการเมือง รัฐบาลจึงพร้อมดำเนินการในทุกด้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพของไทย.-515- สำนักข่าวไทย