ศาลปกครองนัดอ่านคำพิพากษา บุญทรง-ภูมิ ค่าเสียหายจำนำข้าว

บุญทรงกรุงเทพฯ 9 ก.พ.- ศาลปกครองนัดอ่านคำพิพากษา “บุญทรง-ภูมิ” ค้านจ่ายเงินค่าเสียหายโครงการจำนำข้าว พรุ่งนี้ (10 ก.พ.)


ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานศาลปกครอง ว่า ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำสั่งคดี หมายเลขดำที่ 1861/2559 ระหว่าง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ (ผู้ฟ้องคดี) กับ นายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี)   คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  (ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน)  และคดีหมายเลขดำที่ 1873/2559 ระหว่าง นายภูมิ สาระผล (ผู้ฟ้องคดี) กับ นายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน)  วันพรุ่งนี้ (10 ก.พ.) เวลา 13.30 น.  ณ ห้องพิจารณาคดี 14 ชั้น 3 อาคารศาลปกครอง  ถนนแจ้งวัฒนะ

สำหรับคดีดังกล่าว  ศาลปกครองได้ไต่สวน  นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  และนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา   หลังอดีต 2 รัฐมนตรี ฟ้องศาลว่า การออกคำสั่งทางปกครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน  โครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ  คำสั่งที่ 240/2558 และคำสั่งที่ 453/2559


ทั้งนี้คำสั่งที่จะมีการอ่านดังกล่าว  เป็นคำสั่งว่าศาลจะกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา  คือสั่งทุเลาการบังคับใช้คำสั่งกระทรวงพานิชย์ที่ให้นายบุญทรง และนายภูมิ  ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตามที่บุคคลทั้งสองยื่นร้องขอ   และองค์คณะศาลปกครองกลางคณะพิเศษได้เรียกคู่กรณีทั้งสองคดีไต่สวนเพื่อหาข้อมูลในการพิจารณาไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2559 หรือไม่    ซึ่งหากศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้คำสั่งกระทรวงพานิชย์ กระบวนการของกระทรวงพานิชย์ในการเรียกค่าสินไหมทดแทนจากนายบุญทรง และนายภูมิ ก็จะหยุดไว้ก่อน นายบุญทรง และนายภูมิ ก็ยังไม่ต้องมีการจ่ายชดใช้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับค่าสินไหมทดแทนที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเห็นชอบให้นักการเมือง  และข้าราชการ  รวม 6  คน  ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ   มียอดเงินรวมประมาณ 2  หมื่นล้านบาท  ในจำนวนนี้เป็นมติให้นายบุญทรง ชดใช้ค่าเสียหาย  1,770 ล้านบาท นายภูมิ สาระผล ชดใช้ค่าเสียหาย 2,300 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามคำสั่งศาลที่จะมีออกมาในวันพรุ่นี้ไม่ว่าจะออกมาในทางใด  ต่างก็น่าสนใจ เพราะในศาลปกครองกลาง   ยังมีคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ยื่นฟ้อง นายกรัฐมนตรี  รมว.คลัง รมช.คลัง และปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 กรณีขอเพิกถอนคำสั่งที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค.2559 ที่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากเหตุขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติปล่อยให้เกิดทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดแก่ราชการตามอำนาจหน้าที่เป็นเหตุให้กระทรวงการคลังเกิดความเสียหายมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทเศษ  ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้ขอให้ศาลกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาคือให้ทุเลาการบังคับใช้คำสั่งเรียกให้ชดใช้ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา และศาลได้เรียกไต่สวนไปแล้วเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา ดังนั้น หากศาลกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวให้กับนายบุญทรง และนายภูมิ  ก็อาจเป็นที่คาดการณ์ได้ว่าในคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็น่าจะมีคำสั่งออกมาในแนวทางเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]