กฟผ.ระบุ ประชาชนกระบี่หนุนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน

นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการในฐานะโฆษก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวว่า ชาวกระบี่มากกว่า 4,000 คน ยื่นหนังสือสนับสนุนโครงการสร้าง โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 พร้อมแสดงออกในรูปแบบต่างๆ เช่น การยื่นรายชื่อผู้สนับสนุนโครงการกระบี่กว่า 20,000 รายชื่อ ผู้แทนชุมชนจังหวัดกระบี่และอำเภอต่าง ๆ ยื่นหนังสือสนับสนุนต่อนายกรัฐมนตรี ตลอดจนการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น การติดป้ายผ้า ในบ้าน และในชุมชน ซึ่งการแสดงออกของประชาชน สะท้อนให้เห็นการสนับสนุนของชุมชนส่วนใหญ่ ที่มีความเชื่อมั่นในมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม และต้องการให้เกิดการพัฒนาความเจริญในท้องถิ่น การแสดงออกของประชาชน ยังถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่แสดงถึงความร่วมมือระหว่างชุมชนกับโรงไฟฟ้าในการดูแลสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาท้องถิ่นต่อไปในอนาคต
ส่วนกรณีที่ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.) ออกแถลงการณ์ค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพา เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีข้อความคลาดเคลื่อนหลายประการ เกรงว่า จะสร้างความสับสนให้กับสังคม จึงแจงดังนี้ ประเด็นแรก กฟผ.ไม่ได้มีความพยายามยัดเยียดถ่านหินให้ประชาชนไทย และภาคใต้ เพราะนโยบายการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า เป็นนโยบายการพัฒนาพลังงานตามแผนพัฒนากำลังผลิตของประเทศทุกฉบับ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดหาพลังงานที่มีความมั่นคง และกระจายความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าเกือบร้อยละ 70 ซึ่งแผนพัฒนาพลังงานกำลังผลิตไฟฟ้าฉบับปัจจุบัน หรือ PDP2015 มีเป้าหมายลดสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติจากร้อยละ 70 เหลือร้อยละ 37 และเพิ่มการใช้ถ่านหินจากร้อยละ 18 ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 23 ในปี 2579 สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาพลังงานของโลก ที่ทั่วโลกมีสัดส่วนการใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าร้อยละ 40 โดยประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐอเมริกาใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าร้อยละ 33 เยอรมนีร้อยละ 40 ออสเตรเลียร้อยละ 63 อินเดียร้อยละ 75 จีนร้อยละ 72 เกาหลีใต้ร้อยละ 42 ญี่ปุ่นร้อยละ 32 มาเลเซียร้อยละ 38 เป็นต้น
ส่วนประเด็นที่ระบุว่า ทั่วโลกจะเลิกใช้ถ่านหิน นั้น ในความเป็นจริง มีบางประเทศประกาศจะเลิกใช้ถ่านหิน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก แต่ยังต้องการเวลาอีกหลายสิบปีในการเปลี่ยนผ่าน เช่น เยอรมนี ประกาศจะเลิกใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าในปี 2050 หรืออีก 33 ปีข้างหน้า อังกฤษประกาศจะเลิกใช้ถ่านหินในปี 2025 โดยในปีดังกล่าวจะนำพลังงานนิวเคลียร์ที่กำลังก่อสร้างเข้ามาใช้ทดแทน ซึ่งสะท้อนว่า ถ่านหินยังมีความจำเป็นและมีบทบาทสำคัญต่อการผลิตไฟฟ้าของโลก ประเทศต่างๆ ทั่วโลก จึงยังไม่มีแผนเลิกใช้ถ่านหินทั้งสหรัฐอเมริกา จีน ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมทั้งอาเซียน ทั้ง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม โดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency หรือ IEA) ได้คาดการณ์การใช้พลังงานของอาเซียนว่า จะใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเพิ่มจากร้อยละ 32 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 50 ในปี 2583
นายสหรัฐ กล่าวว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินไม่เป็นอุปสรรคในการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยในประเด็นการลดก๊าซเรือนกระจก ที่แถลงการณ์กล่าวว่า การประชุมลดก๊าซเรือนกระจก ให้ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลนั้น ในความเป็นจริง ที่ประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 (COP-21) ที่กรุงปารีส ได้รับรองแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกของแต่ละประเทศ(INDC) ตามหลักความรับผิดชอบ และสถานการณ์ของประเทศที่แตกต่างกัน โดยประเทศไทยซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียงร้อยละ 0.9 ของโลก ได้ให้สัตยาบันจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 20 – 25 ในปี 2030 เมื่อเทียบกับไม่มีมาตรการใดๆ


ในการให้สัตยาบันดังกล่าว ยังได้ผนวก PDP2015 ไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผนลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ซึ่งนอกจากจะมีโรงไฟฟ้าถ่านหินเทคโนโลยีสะอาดแล้ว ยังมีมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกต่างๆ ประกอบด้วย การเพิ่มการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 20 ในปี 2579 การปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า และการอนุรักษ์พลังงาน(DSM) จึงกล่าวได้ว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินไม่เป็นอุปสรรคในการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในการประชุม COP21 แม้ว่าองค์กรเอกชน จะได้เรียกร้องให้โลกเดินหน้าสู่การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% แต่ที่ประชุมเห็นว่า ยังเป็นไปไม่ได้ จึงไม่มีมติใดๆ โดยจะหยิบยกเรื่อง พลังงานหมุนเวียน 100% มาพูดคุยใหม่อีกครั้งหลังปี 2050 แสดงให้เห็นว่า โลกต้องใช้เวลาอีกมากในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ให้สามารถพึ่งพาได้ และในราคาที่เหมาะสม

ส่วนประเด็นที่แถลงการณ์กล่าวว่า เชื้อเพลิงถ่านหินมีภาวะมลพิษสะสมอันร้ายแรงในระหว่างการเผาไหม้นั้น ขอชี้แจงว่า เทคโนโลยีการเผาไหม้ของถ่านหินมีความทันสมัยและประสิทธิภาพสูง สามารถลดการปล่อยมลสาร ให้อยู่ภายใต้มาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นในแต่ละประเทศ ทำให้มีโรงไฟฟ้าใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา แม้ในประเทศที่มีมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสูง เช่น ในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และญี่ปุ่น


สำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ. ทั้งโรงไฟฟ้ากระบี่ เทพา และแม่เมาะทดแทน ได้นำเทคโนโลยีการผลิตและกำจัดมลภาวะที่ทันมัยที่สุด ที่มีการใช้แล้วทั่วโลก เช่น หม้อต้มไอน้ำแบบ Ultra-supercritical ที่ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและคาร์บอนไดออกไซด์ กว่าร้อยละ 20 อุปกรณ์กำจัดมลภาวะ อาทิ เครื่องดักฝุ่นประสิทธิภาพร้อยละ 99 เครื่องกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และออกไซด์ของไนโตรเจน ประสิทธิภาพร้อยละ 97 – 99 เครื่องกำจัดไอปรอท เป็นต้น ซึ่งการลงทุนในอุปกรณ์ด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าถึงร้อยละ 30 ของราคาโครงการ
ประชาชนในพื้นที่สนับสนุนโครงการ

ประเด็นที่แถลงการณ์กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ไม่ยอมรับโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้น กฟผ. ตระหนักและให้ความสำคัญในประเด็นดังกล่าว ในการดำเนินงานโครงการ ตั้งแต่การคัดเลือกสถานที่ เทคโนโลยีที่ใช้ มาตรการดูแลผลกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชน จึงมีความละเอียด รอบคอบ รวมทั้งคำนึงถึงการมีส่วนร่วมและสิทธิของชุมชนในพื้นที่ การดำเนินโครงการจึงได้มีการเผยแพร่ข้อมูล สร้างความรู้ ความเข้าใจ อย่างโปร่งใสต่อเนื่อง รวมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนกลับของประชาชนทั้งในขั้นตอนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และเวทีแสดงความคิดเห็นต่างๆ มีผลให้เกิดการปรับปรุงการออกแบบโครงการ เช่น การทำอุโมงค์สายพานลำเลียงในช่วงลอดใต้คลองและป่าชายเลนยาว 2 กิโลเมตร การลดขนาดของเรือขนส่งถ่านหิน เพื่อไม่ต้องขุดลอกร่องน้ำ การใช้สายพานลำเลียงและอาคารเก็บถ่านหินระบบปิด เป็นต้น -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” ร่อนหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น”

ก.ต่างประเทศ 29 ก.ค.-“มาริษ” ส่งหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น” บอกต่อสายเพื่อนสนิทขอร่อนเอกสาร ยัน “กัมพูชา” ไม่จบ ยิงอีกรอบหลังจบเจรจา เปิดใจขอทุกคนไม่ต้องห่วง กต.ร่วมมือเต็มที่ปกป้องอธิปไตยไทยและบูรณภาพแห่งดินแดน ยัน “ไทย” เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ต้องกลัวสายตาโลก บอกนานาชาติชื่นชมพรึ่บ! นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยชี้แจงว่าหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้ประท้วงหลายกรอบความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นอนุสัญญาออตตาวา, อนุสัญญาเจนีวา, กฎหมายระหว่างประเทศ, การใช้ทุ่นระเบิดและการโจมตีพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ของประชาชน ซึ่งที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนได้เข้าไปในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้พบผู้แทนระดับสูงของ UN และหลายประเทศ หารือในเรื่องที่เราดำเนินการแก้ไขทุกอย่างด้วยสันติวิธี และใช้ความอดทนอดกลั้นทั้งหมด ถึงแม้จะอดกลั้น แต่เราก็ยึดถือหลักสำคัญที่สุด คืออำนาจอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ เป็นอันดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน เราก็ให้ความสำคัญกับเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศกฎหมาย, กฎบัตรสหประชาชาติ, กฎหมายอาเซียน, ความตกลงและความเป็นครอบครัวอาเซียนทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ซึ่งก็พยายามใช้ความอดทนอดกลั้นพยายามไม่ให้สถานการณ์บานปลาย แต่อย่างไรก็ตาม เราถูกละเมิดอธิปไตย เราก็ต้องใช้สิทธิ์ตอบโต้ในสิ่งที่ประเทศไทยถูกละเมิดมาโดยตลอด นายมาริษ กล่าวว่า ภาพพจน์ของนานาประเทศที่ให้กับเรา ทำให้เราได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราต้องการ คือความเป็นประเทศรักสงบ […]

น้ำท่วมชุมชนชายแดนแม่สายเริ่มลด เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำ

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำท่วมชุมชนชายแดน อ.แม่สาย เริ่มลดลงแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ทิ้งดินโคลนและเศษขยะไว้มากมาย ด้านข้างสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จะเห็นว่าน้ำในลำน้ำสายที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนมา ลดระดับต่ำกว่าท้องสะพาน กว่า 40 เซนติเมตร หลังระดับน้ำที่จุดวัดบ้านโจตาดาในเมียนมา ที่เป็นต้นน้ำ ลดลงต่ำกว่าตลิ่งแล้ว โดยทหารช่างยังเร่งวางบิ๊กแบ็กที่จุดฟันหลอของพนังกั้นน้ำสาย บริเวณคอสะพาน เพื่อป้องกันน้ำทะลักท่วมซ้ำ ขณะที่ด่านชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย ฝั่งท่าขี้เหล็ก เปิดให้ข้ามแดนได้ตามปกติ โดยน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สาย ลดลงเกือบทุกพื้นที่ แต่ทิ้งความเสียหายไว้จำนวนมาก อย่างตลาดสายลมจอย ตลาดสินค้าชายแดน ร้านค้าต่างๆ เต็มไปด้วยดินโคลน พ่อค้าแม่ขายในตลาดเริ่มเก็บล้างทำความสะอาดร้านค้ากันบ้างแล้ว อย่างพี่สายพิน บอกว่า เมื่อวานนี้น้ำมาเยอะมาแรง จนกำแพงอาคารที่ใช้เป็นพนังกันน้ำชั่วคราวแตก แต่ทหารช่างอุดไว้ได้ และมีการเก็บสินค้าออกไปล่วงหน้า จึงไม่เสียหายมากนัก จากภาพมุมสูงด้านชุมชนทางฝั่งขวาของสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 อย่างชุมชนเกาะทราย ไม้ลุงขน และชุมชนเหมืองแดง ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ในบางพื้นที่ อย่างบริเวณห้าแยกเกาะทราย ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ แต่คาดว่าภายในวันนี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ.-สำนักข่าวไทย

ตร.ไซเบอร์ เชิญชวนคนไทยร่วมโพสต์แชร์ และแสดงพลังออนไลน์

บช.สอท. 29 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ เชิญชวนคนไทยร่วมโพสต์แชร์ และแสดงพลังออนไลน์ ด้วยข้อความภาษาอังกฤษ พร้อมติด #TruthFromThailand ร่วมกันสื่อสารให้โลกได้รับรู้ว่าเราไม่ได้เริ่ม แต่เราจะไม่ยอมแพ้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีรายงานข่าวจากหลายสำนักและบทวิเคราะห์ของนักวิชาการนานาชาติ ที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างความขัดแย้งดังกล่าวกับปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ขอชี้แจงว่า ภารกิจสำคัญของเราคือ การปกป้องประชาชนไทยจากภัยคุกคามทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นเครือข่ายข้ามชาติ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่ายฟอกเงิน โดยจับกุมผู้ต้องหาที่เข้ามาทางด่านสระแก้วจัมผู้ต้องตามหมายจับ 13 ราย เป็นคดีที่หลอกลวงพี่น้องประชาชน อีก 7 ราย มีร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาหลอกลวงพี่น้องประชาชน และจะมีกลับเข้ามีอีก 200 กว่านายจะเดินทางกับเข้ามา แต่เมื่อ สถานการณ์ไม่น่ากลัวและทราบว่าจะมีการหยุดยิงจึงไม่เดินทางกับ แต่ยังมีการหลอกลวงทั้งในและต่างประเทศ โดยตลอดปีที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีต่อเครือข่ายเหล่านี้อย่างจริงจัง ภายใต้กรอบของกฎหมายภายในประเทศ และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศ เพื่อสกัดกั้นเส้นทางการเงิน การดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย และการใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มทุนสีเทา พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนในหลายคดีที่ผ่านมา พบความเชื่อมโยงกับ กลุ่มผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในกัมพูชา […]

เปิด 7 ข้อตกลง วงหารือ “กองทัพภาค 2 – กัมพูชา”

29 ก.ค.- กองทัพภาคที่ 2 หารือผู้บัญชาการทางทหารฝ่ายกัมพูชา ก่อนได้ข้อสรุปตกลงร่วมกัน 7 ข้อ พลตรี กิติศักดิ์ ถาวร โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยกับทีมข่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ผู้แทนกองทัพภาคที่ 2 ได้พบปะกับผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา ในพื้นที่ช่องจอม จ.สุรินทร์ โดยได้หารือและมีข้อตกลงร่วมกัน 7 ข้อ ประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม การหารือดังกล่าวใช้เวลาเพียงไม่นาน ก่อนที่รถตู้ของผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ฝั่งไทย จะขับออกจากด่านช่องจอมไป -สำนักข่าวไทย