กฟผ.ระบุ ประชาชนกระบี่หนุนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน

นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการในฐานะโฆษก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวว่า ชาวกระบี่มากกว่า 4,000 คน ยื่นหนังสือสนับสนุนโครงการสร้าง โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 พร้อมแสดงออกในรูปแบบต่างๆ เช่น การยื่นรายชื่อผู้สนับสนุนโครงการกระบี่กว่า 20,000 รายชื่อ ผู้แทนชุมชนจังหวัดกระบี่และอำเภอต่าง ๆ ยื่นหนังสือสนับสนุนต่อนายกรัฐมนตรี ตลอดจนการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น การติดป้ายผ้า ในบ้าน และในชุมชน ซึ่งการแสดงออกของประชาชน สะท้อนให้เห็นการสนับสนุนของชุมชนส่วนใหญ่ ที่มีความเชื่อมั่นในมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม และต้องการให้เกิดการพัฒนาความเจริญในท้องถิ่น การแสดงออกของประชาชน ยังถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่แสดงถึงความร่วมมือระหว่างชุมชนกับโรงไฟฟ้าในการดูแลสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาท้องถิ่นต่อไปในอนาคต
ส่วนกรณีที่ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.) ออกแถลงการณ์ค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพา เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีข้อความคลาดเคลื่อนหลายประการ เกรงว่า จะสร้างความสับสนให้กับสังคม จึงแจงดังนี้ ประเด็นแรก กฟผ.ไม่ได้มีความพยายามยัดเยียดถ่านหินให้ประชาชนไทย และภาคใต้ เพราะนโยบายการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า เป็นนโยบายการพัฒนาพลังงานตามแผนพัฒนากำลังผลิตของประเทศทุกฉบับ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดหาพลังงานที่มีความมั่นคง และกระจายความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าเกือบร้อยละ 70 ซึ่งแผนพัฒนาพลังงานกำลังผลิตไฟฟ้าฉบับปัจจุบัน หรือ PDP2015 มีเป้าหมายลดสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติจากร้อยละ 70 เหลือร้อยละ 37 และเพิ่มการใช้ถ่านหินจากร้อยละ 18 ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 23 ในปี 2579 สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาพลังงานของโลก ที่ทั่วโลกมีสัดส่วนการใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าร้อยละ 40 โดยประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐอเมริกาใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าร้อยละ 33 เยอรมนีร้อยละ 40 ออสเตรเลียร้อยละ 63 อินเดียร้อยละ 75 จีนร้อยละ 72 เกาหลีใต้ร้อยละ 42 ญี่ปุ่นร้อยละ 32 มาเลเซียร้อยละ 38 เป็นต้น
ส่วนประเด็นที่ระบุว่า ทั่วโลกจะเลิกใช้ถ่านหิน นั้น ในความเป็นจริง มีบางประเทศประกาศจะเลิกใช้ถ่านหิน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก แต่ยังต้องการเวลาอีกหลายสิบปีในการเปลี่ยนผ่าน เช่น เยอรมนี ประกาศจะเลิกใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าในปี 2050 หรืออีก 33 ปีข้างหน้า อังกฤษประกาศจะเลิกใช้ถ่านหินในปี 2025 โดยในปีดังกล่าวจะนำพลังงานนิวเคลียร์ที่กำลังก่อสร้างเข้ามาใช้ทดแทน ซึ่งสะท้อนว่า ถ่านหินยังมีความจำเป็นและมีบทบาทสำคัญต่อการผลิตไฟฟ้าของโลก ประเทศต่างๆ ทั่วโลก จึงยังไม่มีแผนเลิกใช้ถ่านหินทั้งสหรัฐอเมริกา จีน ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมทั้งอาเซียน ทั้ง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม โดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency หรือ IEA) ได้คาดการณ์การใช้พลังงานของอาเซียนว่า จะใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเพิ่มจากร้อยละ 32 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 50 ในปี 2583
นายสหรัฐ กล่าวว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินไม่เป็นอุปสรรคในการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยในประเด็นการลดก๊าซเรือนกระจก ที่แถลงการณ์กล่าวว่า การประชุมลดก๊าซเรือนกระจก ให้ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลนั้น ในความเป็นจริง ที่ประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 (COP-21) ที่กรุงปารีส ได้รับรองแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกของแต่ละประเทศ(INDC) ตามหลักความรับผิดชอบ และสถานการณ์ของประเทศที่แตกต่างกัน โดยประเทศไทยซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียงร้อยละ 0.9 ของโลก ได้ให้สัตยาบันจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 20 – 25 ในปี 2030 เมื่อเทียบกับไม่มีมาตรการใดๆ


ในการให้สัตยาบันดังกล่าว ยังได้ผนวก PDP2015 ไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผนลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ซึ่งนอกจากจะมีโรงไฟฟ้าถ่านหินเทคโนโลยีสะอาดแล้ว ยังมีมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกต่างๆ ประกอบด้วย การเพิ่มการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 20 ในปี 2579 การปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า และการอนุรักษ์พลังงาน(DSM) จึงกล่าวได้ว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินไม่เป็นอุปสรรคในการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในการประชุม COP21 แม้ว่าองค์กรเอกชน จะได้เรียกร้องให้โลกเดินหน้าสู่การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% แต่ที่ประชุมเห็นว่า ยังเป็นไปไม่ได้ จึงไม่มีมติใดๆ โดยจะหยิบยกเรื่อง พลังงานหมุนเวียน 100% มาพูดคุยใหม่อีกครั้งหลังปี 2050 แสดงให้เห็นว่า โลกต้องใช้เวลาอีกมากในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ให้สามารถพึ่งพาได้ และในราคาที่เหมาะสม

ส่วนประเด็นที่แถลงการณ์กล่าวว่า เชื้อเพลิงถ่านหินมีภาวะมลพิษสะสมอันร้ายแรงในระหว่างการเผาไหม้นั้น ขอชี้แจงว่า เทคโนโลยีการเผาไหม้ของถ่านหินมีความทันสมัยและประสิทธิภาพสูง สามารถลดการปล่อยมลสาร ให้อยู่ภายใต้มาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นในแต่ละประเทศ ทำให้มีโรงไฟฟ้าใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา แม้ในประเทศที่มีมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสูง เช่น ในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และญี่ปุ่น


สำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ. ทั้งโรงไฟฟ้ากระบี่ เทพา และแม่เมาะทดแทน ได้นำเทคโนโลยีการผลิตและกำจัดมลภาวะที่ทันมัยที่สุด ที่มีการใช้แล้วทั่วโลก เช่น หม้อต้มไอน้ำแบบ Ultra-supercritical ที่ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและคาร์บอนไดออกไซด์ กว่าร้อยละ 20 อุปกรณ์กำจัดมลภาวะ อาทิ เครื่องดักฝุ่นประสิทธิภาพร้อยละ 99 เครื่องกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และออกไซด์ของไนโตรเจน ประสิทธิภาพร้อยละ 97 – 99 เครื่องกำจัดไอปรอท เป็นต้น ซึ่งการลงทุนในอุปกรณ์ด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าถึงร้อยละ 30 ของราคาโครงการ
ประชาชนในพื้นที่สนับสนุนโครงการ

ประเด็นที่แถลงการณ์กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ไม่ยอมรับโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้น กฟผ. ตระหนักและให้ความสำคัญในประเด็นดังกล่าว ในการดำเนินงานโครงการ ตั้งแต่การคัดเลือกสถานที่ เทคโนโลยีที่ใช้ มาตรการดูแลผลกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชน จึงมีความละเอียด รอบคอบ รวมทั้งคำนึงถึงการมีส่วนร่วมและสิทธิของชุมชนในพื้นที่ การดำเนินโครงการจึงได้มีการเผยแพร่ข้อมูล สร้างความรู้ ความเข้าใจ อย่างโปร่งใสต่อเนื่อง รวมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนกลับของประชาชนทั้งในขั้นตอนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และเวทีแสดงความคิดเห็นต่างๆ มีผลให้เกิดการปรับปรุงการออกแบบโครงการ เช่น การทำอุโมงค์สายพานลำเลียงในช่วงลอดใต้คลองและป่าชายเลนยาว 2 กิโลเมตร การลดขนาดของเรือขนส่งถ่านหิน เพื่อไม่ต้องขุดลอกร่องน้ำ การใช้สายพานลำเลียงและอาคารเก็บถ่านหินระบบปิด เป็นต้น -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย