นนทบุรี 21 ธ.ค. – พาณิชย์ตั้งสถาบันพัฒนาเอสเอ็มอียุคใหม่ เปิดให้บริการกลางเดือนมกราคม 60 พร้อมเดินหน้าดึงโรงสีร่วมจัดตั้งตลาดกลางข้าวสาร
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำคณะผู้แทนไทยเยือนสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบาที่เมืองหังโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน กระทรวงพาณิชย์จึงได้นำแนวคิดช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กทำการค้าออนไลน์ด้วยการจัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy) หรือ NEA ให้คำปรึกษาเอสเอ็มอีเชิงลึก
สำหรับการจัดตั้งสถาบัน NEA เป็นความร่วมมือกับอาลีบาบากรุ๊ป หลังจากนายสมคิด ได้นำคณะผู้แทนไทยเยือนสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา ที่เมืองหังโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาดูต้นแบบการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการรายเล็กมาก ๆ ในชุมชนอันห่างไกลในหลายมณฑลของจีน ให้ทำการค้าออนไลน์ได้ ซึ่งอาลีบาบาจะนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเทคนิคเชิงลึกการทำการค้าออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จมาแบ่งปันให้กับเอสเอ็มอีไทยอย่างครบวงจร โดยสถาบัน NEA จะตั้งอยู่ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษก ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ให้แก่เอสเอ็มอี ได้เรียนรู้ และฝึกฝนทักษะอย่างจริงจังผ่านการให้ความรู้ในหลายหลักสูตร เช่น การให้ความรู้ ความเข้าใจ และการใช้ประโยชน์จากนโยบาย Thailand 4.0 การสร้างแนวคิดในการเป็นผู้ประกอบธุรกิจยุคใหม่บนพื้นฐานของนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี เน้นให้ความสำคัญต่อความต้องการของตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการในยุคดิจิทัล ส่งเสริมการรักษาผลประโยชน์ทางการค้าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้ง หลักสูตรการทำการค้าออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การค้า E-Commerce การทำการตลาดออนไลน์ การค้าผ่าน Social Media และการใช้ Logistics เพื่อดำเนินธุรกิจและลดค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศที่พร้อมมาให้ความรู้ ตั้งแต่พื้นฐาน เจาะลึก ไปจนถึงภาคปฏิบัติ และให้ลงมือทำจริง คาดว่าสถาบันนี้จะเปิดทางการในช่วงกลางเดือนมกราคม 2560
นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรที่เข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน e-Learning และระบบการเรียนรู้ผ่านสื่อดิจิทัลอื่น ๆ และกระจายการจัดตั้งศุนย์ไปยังต่างจังหวัด ในสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 7 ภาค และศูนย์ดิจิทัลชุมชน ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ ผ่านสถาบันการศึกษาต่าง ๆ รวมถึงภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ในสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าความรู้จะถูกกระจาย ไปอย่างทั่วถึงแม้จะอยู่ในชุมชน โดยตั้งเป้าหมายที่จะสร้างผู้สอน เป็นนักปฏิวัติเศรษฐกิจยุคใหม่ให้ได้ 1,000 ราย เพื่อจะถ่ายทอดกระจายความรู้ไปยังเอสเอ็มอีทั่วประเทศจนถึงฐานรากให้ได้ไม่น้อยกว่า 30,000 ราย ภายในสิ้นปี 2560
นางอภิรดี กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มีการหารือกับทางสมาคมโรงสีข้าวเพื่อร่วมกันประเมินภาพรวมข้าวเปลือกปีหน้า โดยข้าวเปลือกมีแนวโน้นปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าเกษตรกรส่วนใหญ่จะขายข้าวเปลือกดีขึ้นในปีหน้าและยังได้พูดคุยถึงการจัดตั้งตลาดกลางข้าวสาร ซึ่งโรงสีส่วนใหญ่เห็นด้วยและอยากให้ประเทศไทยมีตลาดกลางข้าวสาร เพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้พบปะแลกเปลี่ยนการซื้อขายข้าวสารได้โดยตรงและจะเป็นตลาดที่เกษตรกรสามารถนำข้าวสารมาจำหน่ายในตลาดได้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงเอกชนจะเร่งสำรวจพื้นที่และรายละเอียดของการจัดตั้งให้เสร็จโดยเร็ว คาดว่ากลางปีหน้าน่าจะเห็นรูปแบบ ซึ่งตลาดดังกล่าวควรอยู่ในภาคกลาง เช่น นนทบุรีหรือจังหวัดที่มีความสมบูรณ์ด้านการขนส่งสินค้า เป็นต้น .-สำนักข่าวไทย