นนทบุรี 10 มี.ค. – นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ห่วงกระแสความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการนำมาตรา 44 ที่เข้าใจกันว่ามาใช้เพื่อจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์แบบปล่อยผีงานค้าง ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะการนำมาตรา 44 มาใช้เป็นการนำผลการทำงานของสำนักงานสิทธิบัตรต่างประเทศ หรือ Work Sharing ช่วยตรวจสอบสิทธิบัตร อีกทั้งเป็นเพียงมาตรการทางเลือกชั่วคราว เพื่อแก้ไขปัญหาปริมาณคำขอรับสิทธิบัตรของกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ค้างสะสมมาเป็นเวลานาน ด้วยข้อจำกัดด้านบุคลากรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสิทธิบัตร ทั้งนี้ คำขอรับสิทธิบัตรจะได้รับการจดทะเบียนหรือไม่ ยังคงต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบ เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมายไทยเช่นเดียวกับช่องทางปกติ
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า สิทธิบัตรเป็นระบบที่คุ้มครองนวัตกรรมและการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นสาขาวิทยาการของคำขอนั้น หรือสัญชาติของผู้ยื่นคำขอ กรมฯ ตระหนักดีว่าปัญหางานค้างสะสมของกรมฯ เป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการค้าการลงทุน และทำให้ไม่เกิดการพัฒนาการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ดังนั้น จึงมีมาตรการแก้ไขปัญหาระยะสั้นและระยะยาว เช่น การปรับปรุงฐานข้อมูลเปิดให้ยื่นคำขอด้วยระบบ E-Filing ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายสิทธิบัตร เพื่อลดขั้นตอนการจดทะเบียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งได้รับการจัดสรรอัตรากำลังผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรเพิ่มขึ้นอีก 74 คน ซึ่งจะเข้ามาเสริมประสิทธิภาพการทำงานของกรมฯ ในช่วง 2 ปีข้างหน้านี้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัญหาคำขอรับสิทธิบัตรค้างสะสมมีมานานและเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเสริมประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อสะสางงานค้างสะสมที่เก่ามากและอนาคตงานที่เข้ามาใหม่จะได้สมดุลกับความสามารถในการทำงาน เพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ประเทศไทยจะก้าวหน้าด้วยนวัตกรรม โดยอาศัยอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา 44 ในการใช้ผลการทำงานของ Work Sharing โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ขอยื่นคำขอรับสิทธิบัตรเกินกว่า 5 ปี ซึ่งได้รับสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์อย่างเดียวกันนี้แล้วจากสำนักงานสิทธิบัตรต่างประเทศสามารถแจ้งความประสงค์ให้ตรวจสอบการประดิษฐ์แบบทางเลือกนี้ได้ภายใน 90 วันนับแต่วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ และหากกรมฯ ตรวจสอบพบว่าเป็นการประดิษฐ์อย่างเดียวกัน กรมฯ จะนำผลการทำงานของสำนักงานสิทธิบัตรต่างประเทศมาใช้แล้วตรวจสอบเพิ่มในของเงื่อนไขอื่นเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายไทย ซึ่งคาดว่าวิธีนี้จะมีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และสามารถรับจดทะเบียนคำขอรับสิทธิบัตรได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี นอกจากนี้ ยังเพิ่มช่องทางสำหรับร้องขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ใหม่ หรือ Re-Examination คำขอที่ได้รับจดทะเบียนผ่านมาตรการพิเศษนี้ โดยมีคณะผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกร่วมเป็น ผู้พิจารณาเพื่อให้เกิดความเป็นกลาง
ส่วนข้อกังวลว่าการใช้มาตรการนี้จะทำให้ราคายาแพงขึ้นจริงหรือไม่นั้น นายทศพล กล่าวว่า กลไกของกฎหมายสิทธิบัตรประสงค์จะให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวช่วงระยะเวลาหนึ่งแก่นักประดิษฐ์ เพื่อให้สามารถได้รับประโยชน์จากผลงานของตน แต่การใช้สิทธินั้นต้องไม่นำไปสู่ความไม่เป็นธรรมทางการค้าหรือเอาเปรียบผู้บริโภค โดยกำหนดราคาอย่างไม่สมเหตุสมผล ซึ่งกลไกการควบคุมราคามีอยู่แล้วและอยู่ในความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน เช่น กลไกการต่อรองราคายาและการกำหนดราคากลางของยา ของกระทรวงสาธารณสุข หรือกลไกการควบคุมราคาสินค้าและบริการโดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการของกรมการค้าภายใน เป็นต้น
“กรมทรัพย์สินทางปัญญาขอยืนยันว่ามาตรการนี้จะใช้บังคับชั่วคราวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาออกมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ชาติใด หรือฝ่ายใดเป็นพิเศษ เนื่องจากการพิจารณารับจดทะเบียนของกรมฯ เป็นการพิจารณาที่เป็นไปตามหลักวิชาการที่เป็นสากล โดยไม่อาจเลือกปฏิบัติว่าจะเป็นผู้ขอรับสิทธิบัตรจากประเทศไหน และหากสามารถขจัดปัญหาคำขอเก่า ๆ ที่ยื่นมาเป็นเวลานานเหล่านี้ออกไปจากระบบได้คำขอรับสิทธิบัตรของคนไทยที่ยื่นเข้ามามากขึ้นในช่วงปีหลัง ๆ ก็มีโอกาสได้รับจดทะเบียนเร็วขึ้น” นายทศพล กล่าว.-สำนักข่าวไทย