กทม. 23 พ.ย.-โฆษกสำนักงาน อสส.แถลงอัยการสั่งฟ้อง 3 ผู้ต้องหา ” คดีฟอกเงินสหกรณ์ยูเนียนคลองจั่น นัดส่งตัวฟ้องศาล 30 พฤศจิกายนนี้ และเห็นควรสั่งฟ้อง “พระธัมมชโย-ศศิธร” ในคดีเดียวกัน เผยไม่ได้เร่งรัดจับ “ธัมมชโย” โยนเป็นดุลยพินิจ DSI
เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าการพิจารณาให้ความเห็นคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร กระทำผิดฐานฟอกเงินและรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนียน คลองจั่น ว่าล่าสุดวานนี้ (22 พ.ย.) พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา ประกอบด้วย นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้ต้องหาที่ 1 , นางสาวศรัณยา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 , นางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาที่ 4 โดยนายศุภชัย ขณะนี้ถูกจำคุกในคดีอื่น ส่วนนางสาวศรัณยา และนางทองพิน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งตัวให้พนักงานอัยการแล้ว พนักงานอัยการได้นัดมารายงานตัวเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญาในวันที่ 30 พฤศจิกายน ส่วนพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่ 2 และ นางสาวศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 ซึ่งถูกศาลออกหมายจับ ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและอยู่ระหว่างติดตามจับกุม พนักงานอัยการมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พร้อมแจ้งให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษติดตามนำตัวมาส่งต่อพนักงานอัยการภายในอายุความ 15 ปีนับจากวันกระทำความผิด
ด้านนายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ชี้แจงว่า ในส่วนของพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ 2 กับนางสาวศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 อัยการมีความเห็น “ควรสั่งฟ้อง” ยังไม่มีคำสั่งฟ้อง เนื่องจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ได้ตัวมาสอบสวน ซึ่งอัยการได้แจ้งไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้นำตัวส่งพนักงานอัยการภายในอายุความ 15 ปี นับจากวันกระทำผิดตั้งแต่ปี 2552 หากได้ตัวมาอัยการจะต้องพิจารณาคำสั่งอีกครั้งโดยทำการสอบสวนก่อน ซึ่งหากผู้ต้องหามีพยานหลักฐานใหม่ในการต่อสู้คดีแก้ข้อกล่าวหา อัยการก็อาจพิจารณามีคำสั่งเปลี่ยนแปลงสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องได้
ทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุ ดยอมรับว่าการสั่งคดีมีความล่าช้า เนื่องจากมีทรัพย์สินเกี่ยวข้องจำนวนมาก ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน ที่พบว่ามีการจ่ายเช็ค 27 ฉบับ จากนายศุภชัย, นางสาวศรัณยา และนางทองพิน ไปยังพระธัมมชโย และนางสาวศศิธร รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 – เมษายน 2556 จำเป็นต้องดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อผลประโยชน์ของผู้เสียหาย ที่สามารถใช้สิทธิขอรับการเยียวยารับเงินคืนได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย และว่าคดีนี้ไม่ใช่แค่ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา แต่ต้องการช่วยเหลือและติดตามทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งมีมูลค่ากว่า 5,600 ล้านบาท จึงมีการสั่งสอบสวน และติดตามเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อติดตามทรัพย์สินคืนให้ได้มากที่สุด.-สำนักข่าวไทย