กรุงเทพฯ 14 ธ.ค. – บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีนี้ 1 ครั้ง มองปีหน้าเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง แนะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวชัดเจน และตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ได้อานิสงส์จากค่าเงินเยนที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ด้านตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกภายในประเทศหนุนความน่าสนใจในปีหน้า
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ว่า การพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งสุดท้ายปีนี้ยังคงเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยมีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้ง อีกทั้งปีหน้ามองว่าเฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อรองรับเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและการอัดฉีดนโยบายของภาครัฐจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องติดตามการรายงานการประชุมของเฟดและการส่งสัญญาณของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ของสหรัฐต่อไป ซึ่งหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้าตามที่ตลาด ด้วยปัจจัยบวกทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจของสหรัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้การบริหารของผู้นำประเทศคนใหม่ คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งเน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและลดอัตราภาษีรายได้นิติบุคคล ซึ่งจะเป็นส่วนสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป และจะทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ ดังกล่าวไม่กระทบต่อตลาดมากนัก
โดยบริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วโดยเฉพาะสหรัฐ ญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ อย่างเช่น ไทย ในปีหน้ายังน่าสนใจจากการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก โดยบริษัทแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเติบโตจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะยังคงได้อานิสงส์จากค่าเงินเยนที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และนโยบายผ่อนคลายการเงินและการคลังที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
ส่วนตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยบวกสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศและส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มจะเริ่มเบิกจ่ายและมีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 300,000 ล้านบาท ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการเพิ่มขึ้น อีกทั้งแผนการเลือกตั้งในประเทศเริ่มเป็นรูปธรรม รวมทั้งตลาดหุ้นไทยยังได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง .-สำนักข่าวไทย