เมืองทองธานี 13 ส.ค.- OTOP บอกรักแม่คึกคัก ประชาชนแห่เที่ยวงาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” ซื้อของขวัญให้แม่กันอิ่มใจ หนุนกวาดยอดขาย 5 วันพุ่งกระฉูด 246 ล้านบาท “อธิบดี พช.” ขอบคุณอิมแพ็คฯ เพิ่มพื้นที่จัดงานให้ฟรี 1 หมื่นตารางเมตร ช่วยเพิ่มช่องทางการขายสินค้า หนุนสร้างงานสร้างรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศอย่างแท้จริง


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) เปิดเผยว่างาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” จัดระหว่างวันที่ 8 – 16 สิงหาคม โดยกรมการพัฒนาชุมชุน (พช.) กระทรวงมหาดไทย ณ ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็น “วันแม่แห่งชาติ” ประจำปี 2563 มีดาราดัง แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ มาเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไทย ชุดพิเศษ “แม่ลูกผูกพัน” ปรากฏว่ามีประชาชนต่างเดินทางหลั่งไหลมาเที่ยวชมงานหนาแน่นกว่าทุกวัน ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยส่วนใหญ่พาคุณแม่และมาเป็นครอบครัวมาเพื่อช้อปสินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นของขวัญในโอกาสวันแม่ โดยเฉพาะวันที่ 12 ส.ค.วันเดียว มียอดขายรวม 61 ล้านบาท เมื่อนับยอดขายรวม 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-12 ส.ค. มียอดขายรวมแล้วกว่า 246 ล้านบาท ผู้เข้าชมงาน 8.4 หมื่นคน และคาดว่าจะมียอดขายมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 9 วันที่ 300 ล้านบาทอย่างแน่นอน
อธิบดี พช. กล่าวว่า งาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2555 ได้พัฒนาการจัดงานให้เหมาะสมกับยุคสมัยอยู่เสมอ โดยคงเจตนารมณ์ที่จะสืบสานพระราชปณิธานงานศิลปาชีพ และเชิดชูอัตลักษณ์คุณค่าผ้าไทย รวมทั้งสนับสนุนอาชีพและเสริมสร้างรายได้ให้กระจายลงสู่ชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งการที่คนไทยช่วยกันกินอาหารไทย ใช้ของไทย สวมใส่ผ้าไทย และเที่ยวเมืองไทย ทำให้เงินทุกบาทหมุนเวียนอยู่ในชุมชน เป็นการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง และชุมชนเข้มแข็งพึ่งตนเองได้ จึงขอเชิญชวนไปเยี่ยมให้กำลังใจได้ที่อิมแพคฯ เมืองทองธานีจนถึงวันที่ 16 สิงหาคมนี้


อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวขอบคุณบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่ได้สนับสนุนเพิ่มพื้นที่ให้ฟรี 20,000 ตารางเมตร ช่วยทำให้ 76 จังหวัดสามารถนำเรื่องราวชุมชนท่องเที่ยวนวัตวิถี ทั้งแหล่งท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม และสินค้าประจำชุมชนมานำเสนอ เพื่อให้พี่น้องคนไทยได้เรียนรู้ว่าประเทศไทยยังมีสถานที่ที่น่าไปเที่ยวชมอีกมากมาย และครั้งหนึ่งในชีวิตควรจะได้ไปเที่ยวในสถานเหล่านั้น นอกจากนี้ผู้เข้าชมงานยังได้มีโอกาสชมศิลปวัฒนธรรมประจำแต่ละชุมชนในทุกจังหวัดได้ภายในงาน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่าที่ควรช่วยกันรักษาและสืบสานให้คงอยู่กับแผ่นดินไทยตลอดไป
“การจัดงานครั้งนี้กรมการพัฒนาชุมชนและอิมแพคฯได้ร่วมกันจัดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด เป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขทุกประการ ภายใต้การให้บริการในรูปแบบในวิถีใหม่ New normal อาทิ การเพิ่มพื้นที่จำหน่ายสินค้า การเว้นระยะห่างทางสังคม การทำความสะอาดหลังจากปิดงานทุกวัน การให้ผู้มาชมงานสแกนคิวอาร์โค้ดในแอพลิเคชั่นไทยชนะทั้งก่อนและหลังเข้างาน ทำให้ประชาชนสามารถเดินเที่ยวชมงานครั้งนี้ได้อย่างสบายใจ” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าวย้ำ
ด้านนายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า ในฐานะเจ้าของสถานที่มีความยินดีอย่างมาก ที่ได้ต้อนรับการกลับมาของงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ประจำปี 2563 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มช่องทางจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP โดยมีมาตรการตามข้อกำหนดข้อปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวดตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขทุกประการ ทั้งยังได้สนับสนุนการขยายพื้นที่จัดงานจาก 20,000 ตารางเมตร เป็น 40,000 ตารางเมตรของอาคารชาเลนเจอร์ รองรับลูกค้าผู้ร่วมจัดแสดงงานได้เพิ่มจำนวนพื้นที่บูธ รวมไปถึงอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าผู้มาชมงานในรูปแบบในวิถีใหม่ New normal
งาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี 2563” มีทุกวันถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 – 3 อิมแพค เมืองทองธานี พิเศษวันสุดท้าย ลุ้นรางวัลใหญ่มูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท.-สำนักข่าวไทย