UNESCO x SACIT x ICONCRAFT ผนึกกำลังเชิดชูช่างฝีมือไทย สู่ผลงานหัตถศิลป์ร่วมสมัย ผ่านแบรนด์ SIRIVANNAVARI

กรุงเทพฯ 27 มิ.ย. – สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงนำหัตถศิลป์ที่รังสรรค์จากผ้าไทยสู่เวทีโลก ผ่านโครงการ “UNESCO x SACIT x ICONCRAFT: A Celebration of Thai Artisans and Creative Cities”


ด้วยพระปณิธานในการธำรงรักษาและยกระดับมรดกภูมิปัญญาไทยสู่เวทีโลก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นพลังสำคัญในการเผยแพร่คุณค่าของ “ผ้าไทย” ให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้ผ้าไทยดำรงอยู่ในโลกสมัยใหม่ได้อย่างสง่างาม จึงทรงริเริ่มโครงการต่างๆ อาทิ “โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก” โดยมุ่งหวังให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของผ้าไทยในฐานะแฟชั่นที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน พัฒนาองค์ความรู้ เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้ช่างทอผ้า ช่างหัตถศิลป์ และชุมชน และสร้างแรงบันดาลใจในการนำผ้าไทยมาต่อยอดเชิงสร้างสรรค์

พระราชกรณียกิจในการพัฒนาลวดลายผ้าไทย ภายใต้แนวพระดำริ “Sustainable Fashion แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” ยังได้ขยายผลไปสู่ระดับนานาชาติ องค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้ยกย่องให้พระองค์เป็นเจ้าหญิงผู้พระราชทานความตระหนักรู้ถึงแนวทางแห่งความยั่งยืนให้แก่ประชาชนคนไทย โดยในโอกาสสำคัญล่าสุด ที่พระองค์ทรงร่วมขับเคลื่อนภารกิจร่วมกับองค์การยูเนสโก (UNESCO) และสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT และสยามพิวรรธน์ ผู้ก่อตั้ง ICONCRAFT เพื่อสืบสานงานหัตถศิลป์ไทย ร่วมส่งเสริมช่างฝีมือจาก 7 จังหวัดในโครงการ “เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก” (UNESCO Creative Cities Network: UCCN)


ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้แคมเปญพิเศษ “UNESCO x SACIT x ICONCRAFT: A Celebration of Thai Artisans and Creative Cities” เชิดชูช่างฝีมือไทย ยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นจาก 7 จังหวัดเมืองสร้างสรรค์ ต้นแบบมรดกแห่งวัฒนธรรมและช่างฝีมือไทย สู่ผลงานหัตถศิลป์ร่วมสมัยจากการสร้างสรรค์โดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI และ 14 สุดยอดดีไซเนอร์ไทย เพื่อต่อยอดเป็นงานดีไซน์ใหม่ที่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่

กิจกรรมสำคัญในงานนี้ ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ ของแบรนด์ “SIRIVANNAVARI” กับผลงานการออกแบบกระเป๋าคลัตช์ 2 ใบอันทรงคุณค่าโดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI ภายใต้วิสัยทัศน์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่วิจิตรงดงามด้วยงานปักอันประณีตโดยทีมช่างผู้ชำนาญแห่ง SIRIVANNAVARI Atelier & Academy กระเป๋าใบแรกเลอค่า ด้วยงานปักลายนกยูงสีทองอันเปล่งประกาย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ส่วนหางนกยูงที่รำแพน ใช้สัญลักษณ์รวงข้าวอันสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง มีการปักประดับด้วยปล้องแก้วและคริสตัลอันระยิบระยับ ส่วนใบที่สอง เป็นการปักลวดลายล้อไปกับลายผ้าทอ เพื่อเสริมให้ลวดลายดูมีมิติและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

กระเป๋าทั้งสองใบ ดุจงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก เนรมิตจากผ้าไหมทอลายแก้วชิงดวง สัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง ความสามัคคี และความกลมเกลียวที่ยั่งยืน ผลงานของ อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย บรมครูผ้าไหมไทยผู้ก่อตั้งแบรนด์ “จันทร์โสมา” ของจังหวัดสุรินทร์ โดยลายผ้าที่รังสรรค์ขึ้นมาเฉพาะสำหรับงานนี้ถือว่ามีความพิเศษเป็นอย่างยิ่งเพื่อร่วมเชิดชูจิตวิญญาณแห่งช่างฝีมือไทย และสะท้อนความงามของงานหัตถศิลป์ไทยผ่านมุมมองร่วมสมัย และการเปิดประมูลกระเป๋าคลัตช์ผ้าไหมทรงออกแบบทั้งสองใบ เพื่อระดมทุนให้โครงการ UNESCO Youth Program ส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์ให้กับเยาวชนใน 7 จังหวัดเมืองสร้างสรรค์ของไทย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 350 เมืองทั่วโลกโดยประเทศไทยได้รับเลือกรวม 7 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต, เชียงใหม่, กรุงเทพฯ, สุโขทัย, เพชรบุรี, เชียงราย และ สุพรรณบุรี


อีกหนึ่งความพิเศษของงาน คือ นิทรรศการฉลองพระองค์ชุดไทยพระราชนิยมใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จากพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จำนวน 8 ชุด ซึ่งเป็นการจัดแสดงครั้งแรกในประเทศไทย โดยทุกชุดเป็นผลงานการออกแบบและตัดเย็บโดย ธีระพันธ์ วรรณรัตน์ ดีไซเนอร์เจ้าของห้องเสื้อธีระพันธ์ (TIRAPAN) ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (การออกแบบแฟชั่น) ประจำปี 2562 อาทิ ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา, ชุดไทยอัมรินทร์ ซึ่งเป็นฉลองพระองค์ในพระราชพิธีหรือโอกาสอันเป็นทางการ และแฝงไปด้วยความหมายทางประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ ยังได้มีการลงนามแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ระหว่าง องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT และ สยามพิวรรธน์ ในการสนับสนุนผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ของไทยเป็นผู้นำและบุคลากรด้านวัฒนธรรมที่มีความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งต่อยอดโครงการ “เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก” โดยมุ่งสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างยั่งยืนให้กับเยาวชนในพื้นที่

ความร่วมมือในครั้งนี้ ภายใต้แคมเปญ “UNESCO x SACIT x ICONCRAFT: A Celebration of Thai Artisans and Creative Cities” ที่เชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นจาก 7 จังหวัดเมืองสร้างสรรค์ในประเทศไทย เข้ากับงานหัตถศิลป์ของไทยผ่าน 14 ดีไซเนอร์ชั้นนำ โดยแบ่งเป็น 7 ดีไซเนอร์ที่เป็นผู้สืบสานภูมิปัญญาไทยภายใต้การสนับสนุนของสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT และอีก 7 ดีไซเนอร์แถวหน้าของประเทศ ที่ ICONCRAFT ได้เชิญมาร่วมออกแบบคอลเลคชันพิเศษ ได้แก่ แบรนด์ “ATELIER PICHITA” ออกแบบชุดจากผ้าทอไทลื้อของ “กลุ่มผ้าทอไตลื้อ ครูดอกแก้ว” จังหวัดเชียงราย, แบรนด์ “THEATRE” ออกแบบชุดจากผ้าทรงดำของ “กลุ่มทอผ้าไทยทรงดำบ้านดอนมะนาว” จังหวัดสุพรรณบุรี, แบรนด์ “CHAI GOLD LABEL” ออกแบบชุดจากผ้าบาติกกลิ่นอายล้านนาของ “รักษ์บาติก” จังหวัดเชียงใหม่, แบรนด์ “HOOK’S BY PRAPAKAS” ออกแบบชุดจากผ้าบาติกวาดมือของ “กลุ่มยิ่งบาติกเพ้นท์” จังหวัดภูเก็ต, แบรนด์ “WISHARAWISH” ออกแบบชุดจากผ้าลายอย่างของ “ภูษาผ้าลายอย่าง” จังหวัดเพชรบุรี, แบรนด์ “PYVET” ออกแบบชุดจากผ้าจกขนเม่นของ “สุนทรีผ้าไทย” จังหวัดสุโขทัย และ แบรนด์ “JANESUDA” ออกแบบชุดจากผ้าบาติกสีสันสดใสของ “Marionsiam” (มารียองสยาม) กรุงเทพมหานคร

ดีไซเนอร์แต่ละแบรนด์ได้ออกแบบชุดจากผ้าทอท้องถิ่นไทยแบรนด์ละ 2 ชุด รวมเป็น 14 ชุดสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งคอลเลกชันพิเศษภายใต้แคมเปญนี้ได้เผยโฉมให้ได้ชมเป็นครั้งแรกในงาน Crafts Bangkok 2025 เมื่อวันที่ 18 – 22 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยทั้ง SACIT และสยามพิวรรธน์ นับเป็นพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด มีเป้าหมายในการยกระดับงานศิลปหัตถกรรมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทั้ง 7 จังหวัดให้ได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญนักออกแบบ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน

ร่วมเชิดชูภูมิปัญญาไทยและชื่นชมความสร้างสรรค์ของเหล่าช่างฝีมือและนักออกแบบไทย พร้อมชมนิทรรศการชุดไทยพระราชนิยมฉลองพระองค์ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตั้งแต่วันนี้ – 29 มิถุนายน 2568 ณ ICONLUXE AVENUE, ICONSIAM ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: SIAM PIWAT และ ICONCRAFT . – 116 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]