โออาร์จับมือ ททท.จัดกิจกรรมชวนคนไทยเที่ยวเมืองไทย

กรุงเทพฯ  23 ก.ค. – โออาร์ จับมือ ททท.จัดกิจกรรมชวนคนไทยเที่ยวเมืองไทย ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19  


นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อเชิญชวนคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และร่วมส่งเสริมนโยบายของ ททท. หลังจากโควิด – 19 เริ่มคลี่คลาย ด้วย 2 กิจกรรม มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบลูการ์ด (Blue Card) เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ร้านค้าในเครือของโออาร์ทั่วประเทศ

นางสาวจิราพร เปิดเผยว่า โออาร์พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของ ททท. เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายขึ้น 2 กิจกรรม เพื่อมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบลูการ์ด เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ร้านค้าในเครือของโออาร์ทั่วประเทศ ได้แก่ 1.แคมเปญ “เที่ยวนี้ สุข x2” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Amazing Thailand Grand Sales 2020 ของ ททท. ที่มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบลูการ์ดรับคะแนนสะสม 2 เท่าจากคะแนนสะสมปกติ เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการร้านค้าในเครือโออาร์ทั่วประเทศ ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ร้านคาเฟ่ อเมซอน เท็กซัส ชิคเก้น ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ ร้านฮั่วเซงฮงติ่มซำ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น พีทีที ลูบริแคนท์ส ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ และ ร้าน เพิร์ลลี่ ที ระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 – 15 สิงหาคม 2563


2.แคมเปญ “เที่ยว เลี้ยว ลุ้น” มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบลูการ์ด รับสิทธิลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถยนต์ BMW X1 sDrive 18i (Iconic) 3 รางวัล และของรางวัลอื่นๆ รวมกว่า 1,500 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการร้านค้าในเครือโออาร์ ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2563 – 31 ตุลาคม 2563 ตามเงื่อนไขดังนี้ เมื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ริการยานยนต์ฟิต ออโต้600 บาทขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ หรือเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น PTT Lubricants ที่ PTT Station หรือ ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ ตั้งแต่  600 บาทขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ หรือ           เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่ ร้าน Café Amazon ตั้งแต่ 60 บาทขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ หรือเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่ ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ หรือเมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ หรือเมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ ร้าน Texas Chicken ตั้งแต่ 160 บาทขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ หรือเมื่อซื้อสินค้าที่ ร้านฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ ตั้งแต่ 80 บาทขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ หรือเมื่อซื้อสินค้าที่ ร้านเพิร์ลลี่ ที ตั้งแต่ 60 บาทขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ โดยสามารถรับสิทธิพิเศษจากทั้ง 2 กิจกรรม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสมัครเป็นสมาชิกบลูการ์ดได้ทาง บลูการ์ด แอปพลิเคชัน หรือทางเว็บไซต์ www.pttbluecard.com

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า  ททท.ร่วมกับโออาร์จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยการจัดแคมเปญส่งเสริมตลาดครั้งนี้ เป็นหนึ่งในความร่วมมือที่ ททท. ดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ภายใต้แผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ภายหลังการระบาดของโควิด-19 อยู่ในระยะที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทาง ททท. ได้มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว กล่าวคือ ได้มีการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety & Health Administration (SHA) ภายใต้การท่องเที่ยวรูปแบบ New Normal ให้กับสินค้าทางการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานการบริการและมีมาตรการความปลอดภัยทางสุขอนามัย  เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นอันดับแรก ๆ และจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวเปลี่ยนเป็นกลุ่มขนาดเล็ก ออกแบบการเดินทางด้วยตัวเอง และนิยมขับรถท่องเที่ยว เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ       ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มผู้ถือบัตรสมาชิกบลูการ์ด ถือเป็นกลุ่มศักยภาพที่เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญสามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวได้

นางสาวจิราพร กล่าวว่า โออาร์ขอเชิญชวนคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้น โดยเดินทางเป็นกลุ่มเล็กด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล และยังต้องให้ความสำคัญกับการรักษาสุขอนามัย รวมทั้งปฏิบัติตนตามแนวทางปกติในรูปแบบใหม่ (New Normal) ที่นอกจากจะเป็นการร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ในขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสให้ประชาชนได้ผ่อนคลายความตึงเครียดหลังจากช่วงเวลาล็อกดาวน์


ทั้งนี้ นอกจากจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกบลูการ์ด โออาร์ยังได้สนับสนุนพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น 40 แห่งบนเส้นทางสายหลักเป็นจุดแจกคู่มือ SAFETY & HYGIENIC ROADTRIP ของ ททท. ซึ่งเป็นคู่มือการเดินทางที่จะแนะนำแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยภายใต้มาตรฐาน SHA (Amazing Thailand Safety & Health Administration) สำหรับการขับรถท่องเที่ยวในพื้นที่ 5 ภาคทั่วประเทศอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้