สำนักข่าวไทย 23 ก.ค.- “พล.อ.ประวิตร” ถก คนช ออกกฎหมายจัดตั้งป่าชุมชน เพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือนและชุมชนในช่วงการระบาดโควิด 19
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (23 ก.ค.) ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายป่าชุมชน เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน (คนช.) ครั้งที่ 1/2563 โดยมีกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคประชาชนและองค์กรภาคประชาสังคมเข้าร่วมประชุม รวม 21 ท่าน เพื่อร่วมกันพิจารณาออกกฎหมายอนุบัญญัติป่าชุมชน และพิจารณาให้ความเห็นชอบบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด เพื่อให้การดำเนินการด้านป่าชุมชนสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ตามบทบัญญัติของกฎหมาย รวมถึงสามารถขยายการจัดตั้งป่าชุมชนไปสู่เป้าหมาย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ซึ่งนับได้ว่าเป็นกฎหมายด้านป่าไม้ที่เปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับรัฐในการดูแลรักษา บริหารจัดการป่าใกล้หมู่บ้าน รวมไปถึงสามารถใช้ประโยชน์จากป่าได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ภายใต้ระเบียบและกฎหมายที่กำหนด โดยมีสาระสำคัญ ในเรื่องโครงสร้างการบริหารในรูปคณะกรรมการใน 3 ระดับ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด และคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน เพื่อถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน และมีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมาจากกลุ่มผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ กลุ่มภาคประชาสังคม กลุ่มภาคประชาชน เป็นกรรมการทั้งในระดับนโยบายและระดับจังหวัด สำหรับชุมชนนั้นสามารถยื่นขอจัดตั้งป่าชุมชนที่อยู่นอกเขตป่าอนุรักษ์ได้ โดยในพื้นที่ป่าชุมชนให้กำหนดเป็นบริเวณเพื่อการอนุรักษ์และบริเวณเพื่อการใช้ประโยชน์ พร้อมกำหนดแผนและข้อบังคับในการบริหารจัดการป่าชุมชน หากชุมชนมีรายได้จากค่าบริการ ค่าธรรมเนียม เงินสนับสนุนต่างๆ สามารถนำมาเป็นทรัพย์สินส่วนกลาง เพื่อนำมาใช้ในการจัดการป่าชุมชนได้ กฎหมายป่าชุมชนจึงเป็นแรงจูงใจให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับรัฐในการจัดการป่าของชุมชน เพื่อความมั่นคงทางสังคม ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม เป็นการกระจายอำนาจสู่ระดับพื้นที่ ทำให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานด้านป่าชุมชนเป็นไปตามความต้องการของชุมชน และเหมาะสมตามศักยภาพของพื้นที่อย่างสมดุลและยั่งยืน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ในนามเลขานุการในคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน กล่าวต่อไปว่าการประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมครั้งที่ 2 ของ คนช. เพื่อรับทราบความก้าวหน้าในการจัดตั้งป่าชุมชนตามมาตรา 99 และมาตรา 100 ซึ่งมีจำนวน 11,327 ป่าชุมชน เนื้อที่ 6.29 ล้านไร่ และความคืบหน้าในการออกกฎหมายอนุบัญญัติ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วจำนวน 4 ฉบับ ซึ่งเป็นอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับพนักงานเจ้าหน้าที่ และการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนและคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด และการพิจารณาให้ความเห็นชอบบัญชีรายชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด ตลอดจนการพิจารณาให้ข้อเสนอแนะ ต่อร่างกฎกระทรวง 2 ฉบับ ได้แก่ 1) กฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ให้เป็นเขตป่าอนุรักษ์ พ.ศ. …. 2) กฎกระทรวงกำหนดไม้ทรงคุณค่า พ.ศ. …. และ วันนี้ คนช. มีมติเห็นชอบระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนจำนวน 7 ฉบับ ซึ่งเป็นระเบียบที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด และระเบียบที่จะทำให้คณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดสามารถพิจารณาการขอจัดตั้งป่าชุมชน และการจัดการแผนจัดการป่าชุมชน ตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 เดินต่อไปได้
พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า หลังจากที่อนุบัญญัติเหล่านี้ได้ประกาศใช้แล้วจะทำให้ชุมชนสามารถจัดตั้งป่าชุมชนและได้รับประโยชน์จากป่าชุมชนที่วางไว้จำนวน 15,000 แห่ง เนื้อที่ 10 ล้านไร่ ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ที่เกิดอยู่ในขณะนี้ จะทำให้ชุมชนสามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือน ทำให้ชุมชนมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อันจะส่งผลให้ชุมชนร่วมมือกับภาครัฐในการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของกฎหมาย และขอให้กรมป่าไม้สร้างความเข้าใจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพี่น้องประชาชนทราบในรายละเอียดต่อไป.-สำนักข่าวไทย