กรุงเทพฯ 23 ก.ค. – ธ.ก.ส.โอนเงินเยียวยาเกษตรงวด 3 ครบแล้ว ส่วนผู้ใช้บัญชีต่างธนาคารจะเบิกได้พรุ่งนี้ เผยเกษตรกรรับเงินเยียวยางวด 1 เดือน พ.ค. เมื่อถึงเดือน มิ.ย. ตาย 1.7 หมื่นราย จึงจ่ายเงินเยียวยางวด 2 ไม่ได้ และจากเดือน มิ.ย. – ก.ค.ตายเพิ่มกว่า 6,700 ราย ส่งชื่อคืนกระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการต่อไป
นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า วันนี้ (23 ก.ค.) ธ.ก.ส.โอนเงินเยียวยางวด 3 เดือนกรกฎาคมให้เกษตรกรเพิ่มอีก 14,376 ราย ซึ่งเป็นการโอนเข้าบัญชีต่างธนาคาร เกษตรกรจะเบิกเงินได้ในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) รวมผลการโอนเงินเยียวยางวด 3 ทั้งสิ้น 7,241,007 ราย ครบตามรายชื่อที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งมา ยกเว้นผู้เสียชีวิต โดย ธ.ก.ส.โอนเงินงวดที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม ก่อนจะโอนเงินงวดที่ 2 ของเดือนมิถุนายน ได้ตรวจสอบสถานะทางทะเบียนราษฎร์ของเกษตรกรพบว่า มีผู้เสียชีวิต 17,387 ราย และก่อนโอนเงินงวดที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม ได้ตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียชีวิต 6,734 ราย ซึ่ง ธ.ก.ส.ส่งรายชื่อคืนกระทรวงเกษตรฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป สำหรับเกษตรกรที่มีสิทธิ์รับเงินเยียวยา แต่ยังไม่ได้แจ้งเลขบัญชีมายัง ธ.ก.ส. 124,605 รายซึ่งขอให้แจ้งผ่าน www.เยียวยาเกษตรกร.com ภายในวันที่ 25 กรกฎาคม เพื่อ ธ.ก.ส.จะสามารถโอนเงินทั้ง 3 งวดให้ได้ทันในสิ้นเดือนนี้ หากแจ้งหลังจากที่กำหนด ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวบรวมราย สำหรับผู้แจ้งสละสิทธิ์มี 304 ราย
สำหรับการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์เงินเยียวยาเกษตรกรของกระทรวงเกษตรฯ นั้น นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นัดประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อเร่งรัดการพิจารณา ซึ่งขณะนี้มีเรื่องของเกษตรกรที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ประมาณ 10,000 เรื่อง แต่หากตัดเรื่องอุทธรณ์ของเกษตรกรกลุ่มที่ 3 ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ สรุปรายชื่อผู้มีสิทธิ 74,131 รายที่บางส่วนยื่นอุทธรณ์มา เชื่อมั่นว่า จำนวนเรื่องที่ต้องพิจารณาจะลดลงมาก ส่วนเกษตรกรผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาที่เสียชีวิตนั้น นายอนันต์ให้แนวทางปฏิบัติแล้วว่า หากสมาชิกครัวเรือนไม่ได้ทำการเกษตรแล้ว ไม่สามารถรับเงินเยียวยาเกษตรกรได้เนื่องจากไม่ใช่เป็นมรดกตกทอด แต่ถ้ายังคงทำเกษตรกรรมต่อจากหัวหน้าครัวเรือน ทางกระทรวงเกษตรฯ จะจ่ายเงินเยียวยาให้เพื่อเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างทั่วถึง.-สำนักข่าวไทย