เตรียมโอนเงินเยียวยาเกษตรกรไม่มีเอกสารสิทธิ์

กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – ธ.ก.ส.แจงพร้อมโอนเงินเกษตรกรไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกิน 1.37 แสนราย รอกระทรวงเกษตรฯ ส่งรายชื่อที่ผ่านการคัดกรองความซ้ำซ้อนกับสิทธิ์อื่น ด้านคณะกรรมการอุทธรณ์ประชุม 30 มิ.ย.นี้


นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า วันนี้ (26 มิ.ย.) โอนเงินเยียวยาให้เกษตรกรที่ใช้บัญชีธนาคารอื่นเพิ่ม 62,555 ราย สรุปงวดที่ 1 เดือนพฤษภาคม โอนแล้ว 7,272,614 ราย และงวดที่ 2 ของเดือนมิถุนายน โอนแล้ว 7,207,677 ราย รวมเป็นเงิน 72,401.46 ล้านบาท 

สำหรับเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกิน 137,093 ราย ซึ่ง ครม.มีมติให้ได้รับเงินเยียวยานั้น อยู่ระหว่างรอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งรายชื่อที่ผ่านการตรวจไม่ให้ซ้ำซ้อนกับการรับสิทธิ์ช่วยเหลือตามมาตรการอื่นของรัฐ ทันทีที่ได้รับทาง ธ.ก.ส.จะตรวจสอบสถานะทางทะเบียนราษฎร์และความถูกต้องของบัญชีแล้วเร่งโอนเงินให้เร็วที่สุด  สำหรับผู้สละสิทธิ์นำเงินมาคืนที่เคาน์เตอร์ ธ.ก.ส.แล้ว  5 ราย ส่วนผู้ที่แจ้งสละสิทธิ์ไปยังกระทรวงเกษตรฯ เบื้องต้นทราบว่ามีเกือบ 200 ราย ทางสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) จะรวบรวมส่งให้ ธ.ก.ส.เรียกเงินคืนต่อไป


นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จะประชุมคณะกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์เงินเยียวยาเกษตรกรวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งจะนำผลการตรวจสอบสถานะทางทะเบียนราษฎร์ของเกษตรกร ธ.ก.ส.ส่งกลับมา 132,905 รายมาพิจารณา โดยการประชุมครั้งที่ผ่านมาหน่วยงานรับขึ้นทะเบียนตรวจสอบกับกระทรวงมหาดไทยพบว่ามีผู้เสียชีวิตและสถานะถูกจำหน่าย ขณะนี้ทางกรมปศุสัตว์และกรมประมงตรวจสอบและส่งรายละเอียดมายังคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แล้ว แต่ยังคงรอของกรมส่งเสริมการเกษตรที่กำลังตรวจสอบอีก 42,745 ราย โดยมีสาเหตุทั้งเกษตรกรเสียชีวิต เลขประจำตัวประชาชน 13 หลักผิด และเลขประจำตัวประชาชนถูกจำหน่ายหรือยกเลิก ขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรตรวจสอบรายชื่อที่สำนักงานเกษตรอำเภอได้นำไปปิดประกาศในชุมชนและให้ติดต่อขอแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานทะเบียนราษฎรในพื้นที่เพื่อแจ้งปรับปรุงสถานะและยืนยันตัวบุคคล แล้วจึงแจ้งที่สำนักงานเกษตรอำเภออีกครั้ง

ส่วนกรณีหัวหน้าครัวเรือนซึ่งเป็นผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรเสียชีวิต แต่สมาชิกครัวเรือนทำการเกษตรต่อ ให้กรอกแบบฟอร์มขอเปลี่ยนชื่อหัวหน้าครัวเรือนได้สำนักงานเกษตรอำเภอ ซึ่งจะต้องมีผู้นำชุมชนรับรองว่า ทำการเกษตรจริง ก็จะได้รับเงินเยียวยา แต่หากไม่ได้ทำการเกษตรแล้ว จะยกเลิกทะเบียนเกษตรกรรายนั้นไป ซึ่งเร่งรัดกรมส่งเสริมการเกษตรรวบรวมรายชื่อส่งเข้าที่ประชุมในสัปดาห์หน้า.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง