เคาะจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรกลุ่ม 3 กว่า 7.4 หมื่นราย

กรุงเทพฯ  21 ก.ค. – อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเผยข่าวดี สรุปรายชื่อเกษตรกรกลุ่ม 3 กว่า  7.4 หมื่นราย เตรียมเสนอ ครม. อนุมัติ จากนั้นจะส่งให้ ธ.ก.ส.จ่ายเงินเยียวยาครั้งเดียว 15,000 บาท


นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงความคืบหน้าการขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกลุ่ม 3 เพื่อรับเงินเยียวยาตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 28 เมษายน เห็นชอบโครงการช่วยเหลือเกษตรกร กรณีที่ได้ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป้าหมายไม่เกิน 10 ล้านราย  โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรง 5,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 

นายเข้มแข็ง กล่าวว่า เกษตรกรกลุ่ม 3 ซึ่งแจ้งความจำนงเพาะปลูกในการขึ้นและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรต่อกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนวันที่ 15 พฤษภาคมและปลูกพืชจริงก่อนวันที่ 30 มิถุนายน โดยสำนักงานเกษตรอำเภอตรวจสอบเรียบร้อยแล้วมี 74,131 ราย ขณะนี้ส่งรายชื่อให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)  เพื่อจัดส่งไปยังกระทรวงการคลังตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับโครงการเราไม่ทิ้งกัน รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับการรับความช่วยเหลืออื่น ๆ ตามมาตรการรัฐ ตลอดจนไม่เป็นข้าราชการประจำ ข้าราชการบำนาญ และลูกจ้างราชการ 


ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้ตรวจรับรองการเพาะปลูกจริงและให้สำนักงานเกษตรอำเภอนำข้อมูลเข้าสู่ระบบเพื่อจ่ายเงินเยียวยาแก่เกษตรกรกลุ่มนี้โดยเร็วที่สุด สำหรับขั้นตอนจากนี้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ที่มีเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธานจะนำรายชื่อเกษตรกรกลุ่ม 3 เสนอ ครม.อนุมัติ หลังจากนั้นกระทรวงเกษตรฯ จะส่งรายชื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เพื่อเร่งโอนเงิน โดยกลุ่มนี้จะได้รับการโอนเงิน 3 งวด รวมกันครั้งเดียว 15,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะโอนได้ต้นเดือนสิงหาคม ส่วนช่องทางการตรวจสอบสิทธิ์รับเงินเยียวยา เกษตรกรตรวจสอบได้ทางเว็ปไซต์ “www.moac.go.th” แอปพลิเคชั่น “FARMBOOK” และแอปพลิเคชั่น “เกษตรดิจิทัล”

ด้านนายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า วันนี้ (21 ก.ค.) โอนเงินเยียวยาให้เกษตรกรอีก 999,958 ราย รวมโอนตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 6,999,792 ราย จากรายชื่อที่ได้รับจากกระทรวงเกษตรฯ 7,747,490 ราย คาดว่าจะโอนครบตามแผนที่กำหนดไว้ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) หลังจากนั้นจะโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรที่รายชื่อตกหล่นผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการอุทธรณ์สิทธิ์ และแจ้งเลขบัญชีมาใหม่อย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม แต่ขณะนี้ยังมีชื่อที่ไม่สามารถโอนเงินให้ได้ 126,655 ราย เนื่องจากเกษตรกรยังไม่ได้แจ้งเลขบัญชี จึงขอให้เร่งแจ้งมายัง ธ.ก.ส. ผ่าน www.เยียยาเกษตรกร.com ภายในวันที่ 25 กรกฎาคม เพื่อโอนเงินเยียวยาให้ตามสิทธิ์ที่ได้รับ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง