“กรุงเทพคริสเตียน” เปิดเทอมวันแรก จราจรชะลอตัวเป็นระยะ

กรุงเทพฯ 1 ก.ค.-นครบาล เสริมกำลังตำรวจจราจร 3,000 นาย รับมือจราจรเช้าวันเปิดเทอม จับตาถนนทุกสายที่รับรถเข้ามาจากสี่มุมเมือง พบผู้ปกครองแห่ขับรถยนต์มาส่งบุตรหลาน ทำจราจรด้านหน้าโรงเรียนชะลอตัว  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 7 นาฬิกาที่ผ่านมา พลตำรวจโทดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  และ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลงพื้นที่หน้าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ติดตามสถานการณ์จราจรบนถนนสาทรบริเวณด้านหน้าโรงเรียน

เนื่องจากจุดนี้ตำรวจเป็นกังวล เพราะถนนสาธรรับรถยนต์จากฝั่งธนบุรีขึ้นสะพานสาทร และผ่านหน้าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ในภาวะปิดเทอมการจราจรก็จอแจอยู่แล้ว  วันนี้เปิดเทอมวันแรกตำรวจจราจรประเมินว่า ปริมาณรถยนต์จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว  เพราะจะมีรถยนต์ของผู้ปกครองที่เดินทางมาส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน มีนักเรียน ทั้งประถม และมัธยม รวมกว่า 5  พันคน


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เช้านี้ตั้งแต่  06.00 น. จราจร สน.ยานนาวา  ได้เปิดช่องทางพิเศษให้รถยนต์ที่ข้ามสะพานสาทรลงมา ถึงบริเวณแยกสาธร ให้เบี่ยงออกขวาไปใช้ช่องทางพิเศษ เป็นการวิ่งสวนเลนส์ตั้งแต่แยกไฟแดง ไปถึงบริเวณหน้า โรงพยาบาลเซนหลุยส์  ผ่านหน้าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน  ระยะทางช่องทางพิเศษประมาณ 500 เมตร เพื่อบรรเทาการจราจรไม่ให้ติดขัดหน้าโรงเรียน 

ส่วนรถยนต์ที่แวะส่งนักเรียน ตำรวจขอความร่วมมือให้จอดส่งไม่เกินคันละ 20 วินาที หรือ อย่างช้าไม่เกิน 1 นาที  ซึ่งทางโรงเรียนได้ จัดอาสาสมัครนักเรียนรุ่นพี่มารับน้องใหม่ ที่เข้าเรียนเทอมแรกจากรถของผู้ปกครอง เพื่อพาเข้าโรงเรียนและเป็นการประหยัดเวลาในการจอดรถด้านหน้าโรงเรียน

สำหรับ น้องๆ ที่มาเรียนวันนี้ใส่หน้ากากอนามัย หรืออุปกรณ์ในการป้องกัน เชื้อ covid19 กันทุกคน  โดยทางโรงเรียนจัดจุดคัดกรอง  วัดไข้ แอลกอฮอล์ล้างมือ  ไว้ด้านในเพื่อไม่ให้น้องๆ นักเรียนยืนออสะสมบริเวณประตูทางเข้าโรงเรียนเพราะจะส่งผลกระทบการจราจร  


ทั้งนี้ ย่านถนนสาทร ต่อเนื่องถนนสีลม  มี สถานศึกษามีชื่อเสียง ที่พ่อแม่นิยมส่งลูกหลานมาศึกษา โดยตั้งอยู่บริเวณใกล้ ๆ กัน 3 แห่ง คือโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน  โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์ และ โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก มีนักเรียนรวมกันกว่า 1 หมื่นคน 

นาย สุทธิศักดิ์ วิริยะเจริญวงศ์ หัวหน้างานอาคารสถานที่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ กล่าวว่า ทางโรงเรียนเตรียมมาตรการคัดกรองนักเรียนที่เดินทางมาโรงเรียนวันนี้ เริ่มจากวัดไข้  แอลกอฮอล์ล้างมือ  หากพบนักเรียนที่มี อุณหภูมิเกิน 37.5 องศา จะให้นั่งพักรอเพื่อตรวจซ้ำ หากอุณหภูมิยังไม่ลดลงจะมีพยาบาลเพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

นอกจากนี้ จัดตารางเรียนสลับวันเรียนระหว่างนักเรียนเลขคู่กับเลขคี่ เพื่อลดจำนวนนักเรียนที่มาเรียนที่โรงเรียนลงครึ่งหนึ่ง สำหรับการอำนวยความสะดวกจราจร จัดนักเรียนรุ่นพี่ ทำหน้าที่อาสาสมัครในการรับน้องนักเรียนลงจากรถผู้ปกครอง เพื่อส่งเข้าโรงเรียน ยังเป็นการสร้างความเป็นกันเองให้กับรุ่นพี่กับรุ่นน้อง และลดผลกระทบรถติด อีกทั้งก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนได้ส่งเอกสารถึงผู้ปกครองสำรวจการเดินทางมาโรงเรียน พร้อมขอความร่วมมือให้มารถสาธารณะ หรือรถรับส่งที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมจราจรเช้านี้ถือว่าปริมาณรถมากขึ้นแต่การจราจรยังเคลื่อนตัวได้ตามจังหวะสัญญาณไฟสลับหยุดนิ่งเป็นบางช่วง มั่นใจว่า ไม่น่ามีปัญหารถติดหนัก โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เสริมกำลังตำรวจจราจรกลาง เข้าร่วมปฏิบัติกับตำรวจจราจรท้องที่รวมกว่า 3,000 นาย รับมือจราจรเปิดเทอมวันนี้ ประจำ 4 จุดสำคัญได้แก่ ทางแยก  หน้าสถานศึกษา จุดที่มีปัญหาการจราจรติดขัดเป็นประจำ และ และชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมรถยกเตรียมไว้แก้ปัญหา กรณีเกิดอุบัติเหตุรถชน รถเสีย หรือกระทั่งต้นไม้หักโค่นกีดขวางการจราจร 

 ด้าน พลตำรวจโทจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  รับผิดชอบงานจราจร กล่าวว่า แผนรับมือจราจรวันเปิดเทอม ตำรวจ เตรียมแผนรับรถยนต์ที่มาจากเส้นสี่มุมเมือง ได้แก่ ทิศเหนือ รับรถยนต์ที่มาจากถนนวิภาวดีรังสิต ยกระดับโทลเวย์ ถนนพหลโยธิน และถนนแจ้งวัฒนะ  ทิศใต้ รถยนต์ที่มาจากถนน สุขสวัสดิ์ – พระราม 2  และถนนสุขุมวิท  ทิศตะวันออก รับรถยนต์ที่มาจากถนนรามคำแหงและถนนลาดพร้าว และทิศตะวันตก ถนนบรมราชชนนี ถนนราชพฤกษ์และถนนรัชดาภิเษก

นอกจากนี้กำหนดพื้นที่โรงเรียนออกเป็น 3 โซน ในการติดตามแก้ไขปัญหาจราจร โซน 1 คือ โรงเรียนในย่านถนนราชวิถี  ถนนสามเสน ถนนศรีอยุธยา และถนนพระราม 6 โซนที่ 2 พื้นที่ชั้นในใจกลางเมือง มีถนนสาทร ถนนเจริญกรุง และถนนสีลม และโซนที่ 3 โรงเรียนที่อยู่ย่านถนนเพชรบุรี อโศก และ เพลินจิต

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังระบุว่า หลังสถานการณ์ covid-19 คลี่คลาย ปริมาณรถบนท้องถนนเริ่มกลับมาเต็มพื้นที่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว  โดยเฉพาะเช้าวันเปิดเทอมคาดว่ารถจะเริ่มหนาแน่นตั้งแต่ 6:30 น และเริ่มคลี่คลายจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเวลา 8:30 น. และขอให้ประชาชนเผื่อเวลาเดินทาง 30 นาทีถึง 45 นาที

ด้านนายเรวัต ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุด ในฐานะประธานกรรมการควบคุมโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และ ในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เช้านี้ออกตรวจความเรียบร้อย พบปะพูดคุยกับผู้ปกครองที่เดินทางมาส่งนักเรียน 

นายเรวัติ กล่าวว่า เคยศึกษาที่กรุงเทพคริสเตียน เมื่อกว่า 70 ปีก่อนบรรยากาศในอดีต กับปัจจุบัน เช้าวันเปิดเทอมใหม่ต่างไปมาก เดิมเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธง แต่ปัจจุบันและสถาณการณ์ covid-19 ระบาด เปลี่ยนไปเคารพธงชาติในชั้นเรียน และเพิ่มระยะห่างในห้องเรียน   แต่ความเข้มข้นทางด้านวิชาการต่าง ๆ ยังเหมือนเดิม  ทั้งนี้โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน มีศิษย์เก่ามากมายที่จบไปแล้วได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ เช่นนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นต้น จึงขอให้ผู้ปกครองมั่นใจ บุตรหลานจะได้รับการศึกษาที่ดี สามารถเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ ในอนาคตได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย