รมว.คมนาคม สั่งกรมทางหลวงเข้าพื้นที่ด่วน!! แก้ปัญหาทางขาดจากอุทกภัย ใน จ.เชียงใหม่

กรุงเทพฯ 27 มิ.ย.-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการด่วน!!
หลังพายุฝนถล่มหนัก น้ำป่าทะลักทำทางขาด -ดินสไลด์ ในจังหวัดเชียงใหม่
เร่งกรมทางหลวง ลงพื้นที่ซ่อมแซม พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ
ด้านอธิบดีกรมทางหลวงสั่งทุกแขวงเตรียมความพร้อมเครื่องจักรเข้าพื้นที่หากเกิดเหตุให้ถนน-สะพานกลับมาใช้งานใน
24ชั่วโมง


 

 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า
จากที่ช่วงนี้ได้มีฝนตกหนักในบางพื้นที่และทำให้ถนน
สะพานในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง(ทล.) เสียหาย จึงได้สั่งการให้ กรมทางหลวง
แขวงทางหลวง และหมวดทางหลวง รวมถึงศูนย์สร้างทาง และศูนย์สร้างสะพาน ทั่วประเทศ
เฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง น้ำป่า ดินถล่ม ทางสไลด์ที่อาจจะเกิดปัญหา
หากพื้นที่ใดได้รับผลกระทบจนทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถสัญจรผ่านเข้า-ออกได้  ให้หน่วยงานที่กี่ยวข้องเตรียมพร้อม
เจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครื่องจักร สะพานเบลีย์ (สะพานเหล็กชั่วคราว)
24 ชม.
พร้อมออกปฏิบัติการทันที ให้สามารถกลับมาสัญจรใช้งานได้โดยเร็ว
รวมทั้งให้อำนวยความสะดวก บริการประชาชนที่ใช้ทาง
และแจ้งเส้นทางเลี่ยงเพื่อให้สามารถเดินทางได้



 


 ขณะเดียวกันกรณีโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 118 สายเชียงใหม่ –
เชียงราย ตอน อ.ดอยสะเก็ด – ต.ป่าเมี่ยง ตอน
2 วันที่ 27 มิ.ย. 63 เวลาประมาณ 04.25 น.
เกิดเหตุ ฝนตกตลอดทั้งคืน ทำให้น้ำป่าไหลหลาก พัดทางเบี่ยงสะพานขาด
3 จุด ได้แก่ กม. 32+941 ,กม.34+654 และ กม.35+880 
ส่งผลให้การจราจรไม่สามารถผ่านได้ 
ขณะนี้ได้ดำเนินการซ่อมแซม กม.
34+654 และ กม.35+880  การจราจรสามารถผ่านได้แล้ว
และกำลังเร่งดำเนินการวางท่อที่ กม.
32+941
ให้แล้วเสร็จในวันนี้ (วันที่
27 มิ.ย.)

 


 นายสราวุธ ทรงศิวิไล
อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า
จากกรณีที่มีฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ตลอดทั้งคืน  (
27 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทำให้มีน้ำป่าไหลทะลักพัดทางหลวงสาย
118 สายเชียงใหม่ –
เชียงราย ตอน อ.ดอยสะเก็ด – ต.ป่าเมี่ยง ตอน
2 และ
พัดทางเบี่ยงสะพานขาด
3 จุด ที่ กม.32+941 ,กม.34+654 ,กม.35+880  ทำให้การจราจรไม่สามารถผ่านไปมาได้นั้น ขณะนี้
หมวดทางหลวงดอยสะเก็ด แขวงเชียงใหม่ที่
2 ได้ดำเนินการ
และประสานท้องที่ให้ใช้ทางเลี่ยงแล้ว ส่วนความคืบหน้าขณะนี้ทางโครงการก่อสร้าง
ได้นำท่อเหลี่ยม มาวางบริเวณทางเบี่ยง แก้ไขบริเวณที่เกิดเหตุได้แล้ว
2 จุด ซึ่งคาดว่าที่เหลืออีก 1 จุด
จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้ภายในวันนี้ เวลา
17.00 น.

 

 ทั้งนี้โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ได้ให้ทางโครงการเข้มงวดเรื่องทิศทางน้ำโดยเฉพาะที่เป็นช่องน้ำผ่านต้องระวังกรณีที่เกิดฝนตกและน้ำป่าไหลแรงให้มีการระวังในจุดดังกล่าว
โดยโครงการก่อสร้างสะพานนี้จะแล้วเสร็จในปี
2564 เมื่อก่อสร้างสะพานแล้วเสร็จ
บริเวณดังกล่าวจะเป็นช่องน้ำไหลผ่านช่องสะพานแต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพาน
ทำให้ทางเบี่ยงบริเวณนั้นถูกน้ำซัดแรงจนทางขาด

 

 นายสราวุธ กล่าวต่อว่า
นอกจากโครงการก่อสร้างบริเวณโซนภาคเหนือมีฝนตกและมีน้ำป่าใหลแรงได้เน้นย้ำให้ทุกแขวงให้ดูเส้นทางที่สุ่มเสี่ยง
อาจจะทำให้เกิดถนนเสียหายได้รับผลกระทบ เช่น ดินถล่มดินสไลด์
ขณะเดียวกันได้สั่งการไปทางศูนย์สร้างทาง และศูนย์สะพาน รวม
9 แห่ง ทั่วทุกภาค
ให้เตรียมเครื่องจักรให้พร้อม หากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กรมทางหลวง
พร้อมเครื่องมือเครื่องจักร รวมทั้ง สะพานเบลีย์ (สะพานเหล็กชั่วคราว)
สามารถเข้าพื้นที่ และซ่อมแซม ทางที่ได้รับความเสียหาย
ให้กลับมาใช้งานได้ปกติภายใน
24 ชั่วโมง



 

 สำหรับเส้นทางเลี่ยงที่ประชาชนจะสามารถเดินทางโดยไม่ผ่านจุดที่ทางเบี่ยงขาดดังกล่าว
ประกอบด้วย
1.
เชียงใหม่ – พร้าว – เวียงป่าเป้า 2. เชียงใหม่
– ฝาง – แม่สรวย
3. เชียงใหม่ – ลำปาง – งาว – พะเยา  โดยผู้ใช้เส้นทางหลวงเดินทางด้วยความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย
สอบถามข้อมูล และแจ้งเหตุ โทร.
1586 สายด่วนกรมทางหลวง.-สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย