สพฐ.ให้ รร.ประเมินความปลอดภัยโควิด-19 เปิดเรียน 1 ก.ค.นี้

สพฐ.11 มิ.ย.-สพฐ.เตรียมมาตรการรองรับเปิดเทอม 1ก.ค.นี้ มอบโรงเรียนประเมินความปลอดภัยเสนอเปิดโรงเรียน แย้มโรงเรียนขนาดเล็ก นักเรียนต่ำกว่า 120 คน อาจเปิดเรียนเต็มจำนวน ขณะที่โรงเรียนขนาดใหญ่ ต่อห้องเรียนไม่เกิน20-25 สลับวันเรียน 


นายอํานาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวถึงมาตรการการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีโรงเรียนในสังกัดกว่า 15,000 โรง และในจำนวนนี้มีโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนในรูปแบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) อยู่แล้ว จำนวน 11,415 โรง และโรงเรียนที่เดิมไม่ได้จัดการเรียนการสอนรูปแบบ DLTV จำนวน 3,438 โรง ซึ่ง สพฐ.จะทำหนังสือสอบถามถึงความประสงค์ของแต่ละโรงเรียน ว่า ยังต้องการที่จะจัดการเรียนการสอนผ่าน DLTV หรือไม่ 

อย่างไรก็ตามในส่วนของโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่สีเขียวตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) คือ ไม่พบผู้ติดเชื้อและไม่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นระยะเวลา 28 วัน ซึ่งพบว่าในประเทศไทยมีหลายจังหวัดที่เป็นไปตามเกณฑ์นี้  ดังนั้น ในส่วนของ สพฐ.จะมีขั้นตอนในการดำเนินการเตรียมความพร้อมก่อนถึงวันเปิดภาคเรียน คือ ให้โรงเรียนประเมินมาตรการความปลอดภัยในการจัดการเรียนการสอนของตนเอง และเสนอให้คณะกรรมการสถานศึกษาเป็นผู้พิจารณาเห็นชอบ และเสนอขอความเห็นชอบในการเปิดภาคเรียนจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) และ ศบค.จังหวัด พิจารณาต่อไป


สำหรับการดำเนินการของโรงเรียนที่มีเด็กต่ำกว่า 120 คนนั้น สามารถเปิดภาคเรียนได้เพราะจำนวนเด็กต่อห้องไม่เกิน 20 คน แต่ในส่วนของโรงเรียนประถมศึกษา จำนวนนักเรียนต่อห้องจะต้องไม่เกิน 20 คนและโรงเรียนมัธยมศึกษา จะต้องไม่เกิน 25 คน หากโรงเรียนใดที่มีจำนวนนักเรียนต่อห้องเกินกว่าที่กำหนด สพฐ.ได้เสนอรูปแบบการจัดการเรียนการสอน เช่น การสลับชั้น จันทร์ ,พุธ ,ศุกร์ หรือ อังคาร ,พฤหัสบดี สลับชั้น วันคู่ วันคี่, สลับกลุ่มแบ่งนักเรียนในห้องเรียนเป็น 2 กลุ่ม หรือรูปแบบอื่นๆ ตามที่โรงเรียนเห็นสมควรและจะต้องเป็นไปตามมาตรการป้องกันทางด้านสาธารณสุขด้วย ซึ่งตนจะประชุมหารือร่วมกับผู้อำนายการเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 225 เขต ให้ติดตามการดำเนินการต่อไป .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง