ศธ.27 พ.ค.-รมว.ศธ. ให้รอฟังมติ ศบค.ศุกร์นี้ โรงเรียนนานาชาติจะเปิดเทอม 1มิ.ย.ได้หรือไม่ ย้ำต้องดูความปลอดภัยของเด็กเป็นหลัก ขณะที่การทดสอบระบบเรียนออนไลน์ ยังไม่พบปัญหาเพิ่ม เร่งสำรวจพื้นใดที่สามารถเปิดเรียนที่โรงเรียนได้
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้จัดทำข้อเสนอให้ทบทวนการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนเอกชน ประเภทนานาชาติจำนวน 216 แห่งในวันที่ 1มิ.ย.63เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากมีการจัดการเรียนการสอนที่เป็นหลักสูตรเดียวกันกับของต่างประเทศ และเดือนมิถุนายน คือเดือนสุดท้ายของปีการศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นช่วงปิดภาคเรียนของโรงเรียนนานาชาติแล้ว ดังนั้นหากต้องเปิดเรียนตามประกาศของ ศธ.ในวันที่ 1ก.ค.จะส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายอย่างมาก ว่า ขณะนี้ ศธ.ได้ส่งข้อเสนอของ สช.ให้คณะกรรมการกลั่นกรองของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 (ศบค.) แล้ว
อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการชุดที่ 1 ซึ่งจะดูเรื่องความปลอดภัยของเด็กเป็นหลัก รวมถึงมาตรการต่างๆที่ป้องกันโควิด-19 คาดว่า จะนำเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันศุกร์ที่ 29 พ.ค.นี้ ในการพิจารณาต่อไป แต่ยืนยันว่าต้องดูความปลอดภัยของเด็กเป็นหลัก ไม่เกี่ยวปัญหาทางธุรกิจ
ส่วนเรื่องการเรียนออนไลน์นั้น รมว.ศธ.กล่าวว่า ขณะนี้หลายๆ ที่ มีการปรับสภาพและเตรียมความพร้อมให้เป็น New Normal ด้านการศึกษา ไม่มีการรายงานปัญหาเพิ่มเติม พร้อมย้ำว่าการเรียนการสอนก่อนเปิดเทอม 1 ก.ค.จะเน้นเรียนผ่านทางทีวีของDLTVเป็นหลัก แต่พบว่าเด็กโตใช้มือถือในการรับสัญญาณเป็นหลัก และการเรียน 2 ทาง จากการสำรวจพบว่าร้อยละ 90 ของเด็กโตจะใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ในการเรียนการสอน เป็นการผสมผสานระหว่างออนแอร์และออนไลน์ เหตุผลที่ใช้โทรทัศน์ในการจัดการเรียนการสอน เนื่องจากคำนึงถึงค่าใช้จ่าย คือ ผู้ปกครองจะเสียเฉพาะค่าไฟ แต่หากใช้มือถือ สมาร์ทโฟน ดูผ่านเว็ปไซต์จะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างสำรวจว่า พื้นที่ใดจะสามารถเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียนได้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เนื่องจากสถานการณ์เริ่มควบคุมได้ ขอให้รอฟังความชัดเจนจาก ศบค.
รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ไม่หนักใจและไม่กังวลในการชี้แจงต่อสภาเกี่ยวกับปัญหาการเรียนการสอนออนไลน์ เนื่องจากเป็นการเตรียมความพร้อมในช่วงสถานการณ์วิกฤติ ซึ่งต้องหาแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อรองรับการเรียนการสอนของเด็กและเยาวชนเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข จากการทดลองเรียน เป็นโอกาสดีที่เห็นปัญหา ที่จะหาทางแก้ได้ ซึ่งมี2 กระแส ทั้งอยากให้เปิดเรียนที่โรงเรียนและจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เนื่องจากไม่ไว้ใจสถานการณ์ ซึ่งจะมีการพิจารณาให้ดีที่สุด .-สำนักข่าวไทย