“สมพงษ์” ชี้รัฐกู้เงินมหาศาล ไม่เห็นทิศทางการพัฒนา

กรุงเทพฯ 18 พ.ค.-ผู้นำฝ่ายค้าน ซัดรัฐบาลกู้เงินมหาศาล  เปิดช่องไม่รอบคอบ ไม่เห็นทิศทางการพัฒนา  เหมือนตีเช็คเปล่า ไร้การตรวจสอบ


นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดเสวนา “อนาคตประเทศไทย หลังโควิด-19” จัดโดยพรรคเพื่อไทย ว่า ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยอยู่ในช่วงที่ต้องพิจารณาใน 2 ประเด็นที่คาบเกี่ยวกัน คือ ความสมดุลด้านระบาดวิทยา กับ เรื่องผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งประเทศที่ประสบความสำเร็จที่แท้จริง  ไม่ใช่ประเทศที่หยุดการระบาดได้อยู่หมัดบนซากปรักหักพัง และไม่ใช่ประเทศที่ปล่อยการระบาดรุนแรงจนยืดเยื้อ กระทบต่อชีวิตประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ แต่กลับเป็นประเทศที่สามารถสร้างความสมดุลให้การระบาดอยู่ในภาวะควบคุมได้ พร้อมกับประคองเศรษฐกิจให้ยืนอยู่ได้ในวันที่โลกยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทย จัดอยู่ในประเทศควบคุมการระบาดได้ดี แต่การออกมาตรการควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้น มากเกินความจำเป็น และมีผลกระทบสูงต่อการใช้ชีวิตของประชาชน พรรคเพื่อไทยได้ตระหนักถึงความจำเป็นต่อเรื่องนี้ และได้มีการเรียกร้องให้เปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ให้คนได้ใช้ชีวิต ทำงานเพื่อเลี้ยงปากท้องของตนและครอบครัว ก่อนสถานการณ์เศรษฐกิจจะล้มละลายจนยากเกินเยียวยา


“วันนี้เรามีคำถามที่ใหญ่กว่านั้น คือ หลังจากเรื่องนี้คลี่คลายลง ไทยจะเดินต่อไปอย่างไร เราต้องกลับมาถามตัวเองว่านับจากวันนี้ไทยมองเห็นโอกาสอะไร และมีแผนจะคว้าโอกาสนั้นอย่างไร” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้มองเห็นโอกาสของไทย ที่จะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงตัวเอง  ทำให้เกิดศูนย์กลาง 4 ด้าน เป็นโอกาสที่จะต้องไขว่คว้าให้ได้ ในยามที่นานาประเทศต่างกำลังฟื้นฟูภาวะทางสังคม เศรษฐกิจจากบาดแผลของโควิด-19 และหาลู่ทางทำธุรกิจแนวใหม่ที่แตกต่างจากการทำธุรกิจแบบเดิม ๆ ประกอบด้วย 1.ศูนย์กลางการท่องเที่ยวปลอดภัย ไทยเป็นประเทศที่สามารถคุมการระบาดได้ดี อันดับต้น ๆ ของโลก ในขณะที่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอื่นกำลังมีปัญหา และเต็มไปด้วยความกังวล หวาดกลัว การท่องเที่ยวในประเทศเราสามารถเริ่มได้เร็ว และไทยสามารถเปิดประเทศรับการท่องเที่ยวได้เร็วกว่าประเทศอื่น ภายใต้มาตรการป้องกันที่รัดกุมและผ่อนคลาย จึงเป็นโอกาสของไทยในการสร้างมาตรฐานใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและภาคบริการ โดยเน้นความปลอดภัย เสริมสร้างความมั่นใจ และใช้จุดเด่นในเรื่องการป้องกันทางสาธารณสุขเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว 

นายสมพงษ์ กล่าวว่า 2.ศูนย์กลางการแพทย์และสาธารณสุข การรับมือโควิด-19 ได้แสดงถึงศักยภาพด้านสาธารณสุขของไทย ทั้งด้านระบาดวิทยา ที่ทำให้อัตราการแพร่ระบาดต่อประชากรต่ำ และด้านการรักษาที่มีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตต่อผู้ป่วยต่ำมาก ไทยมีต้นทุนภาคอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพ ศัลยกรรมความงาม สปา การใช้สมุนไพรและธรรมชาติบำบัด เป็นที่ยอมรับและมีมาตรฐานสูง และยังมีภาคเอกชนด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็งมาก เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง โอกาสในการพัฒนาศูนย์กลางการแพทย์และสาธารณสุขที่เชื่อมโยงไปกับการพัฒนาสุขภาพและการท่องเที่ยว จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้มาก


นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า 3.ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและผู้ผลิตสินค้ากลางน้ำแหล่งใหม่ ช่วงก่อนสงครามการค้า ห่วงโซ่การผลิตข้ามชาติส่วนใหญ่ จะเกี่ยวพันกับประเทศจีน สงครามการค้าเป็นความพยายามที่จะสร้างอีกหนึ่งห่วงโซ่การผลิตเพื่อให้เกิดทางเลือกใหม่ทางการค้าโดยไม่ผ่านจีน หากไม่มีเรื่องโควิด-19 มีความเป็นไปได้สูงที่โลกจะมี 2 ห่วงโซ่ใหญ่ ๆ คือ ฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตก แต่หลังจากโควิด-19 การที่เศรษฐกิจโลกมีเงื่อนไขผูกมัดกันมาก การผลิตผูกพันกันสูง ทำให้ความเสียหายกระจายในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่โลกจะปรับตัวในการสร้าง ผู้ผลิตกลางน้ำรายเล็ก ๆ ขึ้น  โดยลดการพึ่งพิงการผลิตจากชาติใหญ่ ซึ่งตรงนี้เป็นโอกาส ไทยมีศักยภาพในการเป็นซัพพลายเออร์ให้กับโลกยุคใหม่ เพราะเรามีค่าแรงที่ไม่แพง มีวัตถุดิบมหาศาล มีโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมที่ดี จังหวะที่ทั้งโลกต่างเข็ดขยาดกับการผูกขาดการผลิตในรูปแบบเดิม จึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยจะช่วงชิงโอกาสนี้มา

นายสมพงษ์ กล่าวว่า 4.ศูนย์กลางอาหารปลอดภัยของโลก อุตสาหกรรมหนึ่งที่อยู่รอดจากวิกฤติโควิด-19 คือ อุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย เพราะมนุษย์จำเป็นต้องบริโภค และยิ่งจะเลือกบริโภคมากขึ้นหลังจากเกิดวิกฤติการณ์นี้ ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านการผลิตอาหารป้อนโลก แต่ยังทำได้ไม่ดีนักเรื่องการผลิตอาหารปลอดภัย ซึ่งตรงนี้หากพัฒนาได้จะเป็นการสร้างมูลค่าการผลิตแบบก้าวกระโดด จากสินค้าการเกษตรพื้นฐาน กลายเป็นสินค้าการเกษตรคุณภาพ ราคาสูงที่เน้นความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งกำลังจะเป็นแนวโน้มของโลกข้างหน้า 

“ทั้ง 4 โอกาสที่นำเสนอมา จะเกิดขึ้นได้ ถ้ารัฐบาลมีวิสัยทัศน์ แต่ในทางตรงข้าม จะกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันหากรัฐบาลไม่กระตือรือร้น สร้างสรรค์ และยังคงวนในกับดักเก่าที่ทำงานและบริหารแบบเดิมไปเรื่อย ๆ รัฐบาลนี้ได้กู้เงินจำนวนมหาศาล แต่มองไม่เห็นทิศทางการวางอนาคตให้ประเทศสักเท่าใด นอกจากความกังวลใจที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความห่วงใยว่าจะมีการนำทรัพยากรและเงินกู้จำนวนมหาศาลนี้ไปหาประโยชน์ทางการเมืองและหาประโยชน์ส่วนตนของพวกพ้อง เชื่อว่าคนส่วนใหญ่กำลังเฝ้าติดตามและอยากเห็นการใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมียุทธศาสตร์ จึงอยากฝากให้รัฐบาลมองสถานการณ์หลังโควิด-19 ให้เห็นถึงโอกาส และใช้งบประมาณเหล่านี้ เป็นเครื่องมือไปสร้างอุตสาหกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพแห่งโอกาสให้ประเทศ” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าเงินกู้จำนวนมหาศาลนี้ คนที่ต้องร่วมกันชดใช้ คือ ประชาชนทั้งประเทศ รวมถึงลูกหลานเป็นลูกหนี้ต่อไปอีกยาวนาน แต่รัฐบาลเป็นคนนำเงินไปใช้ ดังนั้นเงินกู้จากสถานการณ์นี้จึงจำเป็นต้องถูกนำไปใช้ด้วยความรับผิดชอบและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยแท้จริง ไม่ใช่การแบ่งเค้กชิงผลประโยชน์ การใช้เพื่อฐานเสียง การเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องผ่านโครงการต่าง ๆ ภายใต้เงินกู้ก้อนนี้ 

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เพราะ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ ที่ทำให้คนไทยตกเป็นหนี้ก้อนมหาศาล รัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหาร มีอำนาจในการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวอย่างเต็มที่ แต่กลไกการตรวจสอบและกำกับการใช้จ่ายเงิน กลับมีเพียงการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เพียงไม่กี่คน ตรวจสอบเงินจำนวนมหาศาล โดยไม่ต้องรายงานการใช้จ่ายต่อฝ่ายนิติบัญญัติ อันเป็นระบบที่หละหลวมและอาจเสี่ยงต่อความไม่โปร่งใส ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลใจอย่างยิ่ง 

ในส่วนของเงินเยียวยาที่จัดสรรให้ประชาชนเดือนละ 5,000 บาท เป็นจำนวน 3 เดือน นายสมพงษ์ กล่าวว่า ก่อให้เกิดปัญหาอย่างมากในการปฏิบัติ เงินช่วยเหลือภายใต้เงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนดเป็นสิ่งที่เข้าถึงยาก ล่าช้า ไม่เพียงพอและไม่ครอบคลุม ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ ไม่ทันการณ์ จนเป็นเหตุให้คนส่วนใหญ่ต้องประสบกับภาวะอดอยาก แร้นแค้นโดยไม่จำเป็น กระบวนการที่ขาดการเตรียมความพร้อม กลับส่งผลให้คนที่เข้าไม่ถึงทรัพยากรจำนวนมากสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และท้ายที่สุดส่งผลให้เกิดโศกนาฏกรรมและมีคนฆ่าตัวตายรายวัน อันเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนจากปัญหาการจัดการนี้ 

“ที่สำคัญ ในส่วนของ พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อฟื้นฟู ได้เปิดช่องให้มีการใช้วงเงินตามอำเภอใจ จนเป็นเหตุให้เกิดเป็นการใช้เงินแบบเบี้ยหัวแตก สูญเปล่า หรืออาจมีการใช้เพื่อผลทางการเมืองกับพรรคร่วมรัฐบาลและเอื้อกลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ส่วน พ.ร.ก.ช่วยเหลือวิสาหกิจ หากไม่มีหลักการที่รัดกุมอาจเปิดช่องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเกิดการเลือกปฏิบัติ ซึ่งอาจถูกกล่าวหาว่าใช้เงินรัฐอุ้มคนรวย จนก่อให้เกิดปัญหาคอร์รัปชั่น และเกิดความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ ทั้งหมดคือความจำเป็นสำคัญ ที่ตัวแทนของประชาชน ผู้มีหน้าที่ที่จะต้องร่วมกันตรวจสอบให้การใช้เงินก้อนนี้เป็นไปอย่างสุจริตและมีประสิทธิภาพสูงสุด ป้องกันไม่ให้เป็นการตีเช็คเปล่า ให้รัฐบาลใช้เงินตามอำเภอใจ ไร้การตรวจสอบ จนอาจส่งผลเสียต่อประเทศอย่างมีนัยสำคัญ” นายสมพงษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

กองทัพอิสราเอลพบร่างตัวประกันชาวไทยในฉนวนกาซา

เยรูซาเล็ม 7 มิ.ย. – นายอิสราเอล คัตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าววันเสาร์ว่า กองทัพอิสราเอลได้พบร่างของตัวประกันชาวไทยชื่อ นายณัฐพงษ์ ปินตา ที่ถูกควบคุมตัวในฉนวนกาซาตั้งแต่การโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 นายคัตซ์กล่าวว่า ร่างของณัฐพงษ์ อยู่กับกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ที่ชื่อว่า กองพลน้อยมูจาฮีดีน และถูกนำกลับมาจากพื้นที่ราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ในขณะที่ครอบครัวของเขาในประเทศไทยได้รับแจ้งแล้ว นายณัฐพงษ์ ซึ่งเป็นคนงานภาคเกษตรกรรม ถูกลักพาตัวไปจาก คิบบุตซ์ นีร์ ออซ ซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆ ใกล้ชายแดน ซึ่งเป็นจุดดที่หนึ่งในสี่ของประชากรถูกสังหารหรือถูกจับเป็นตัวประกันระหว่างการโจมตีที่นำโดยกลุ่มฮามาสในปี 2023 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามในฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า นายณัฐพงษ์ ถูกลักพาตัวไปในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และถูกสังหารโดยผู้ที่จับตัวเขาไป ซึ่งได้ลงมือสังหารและนำร่างของตัวประกันชาวอิสราเอล-อเมริกันอีกสองคนกลับไปยังฉนวนกาซาด้วย โดยร่างของทั้งสองคนนั้นก็เพิ่งได้กลับคืนมาได้ในสัปดาห์นี้.-813.-สำนักข่าวไทย

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]