“สมพงษ์” ชี้รัฐกู้เงินมหาศาล ไม่เห็นทิศทางการพัฒนา

กรุงเทพฯ 18 พ.ค.-ผู้นำฝ่ายค้าน ซัดรัฐบาลกู้เงินมหาศาล  เปิดช่องไม่รอบคอบ ไม่เห็นทิศทางการพัฒนา  เหมือนตีเช็คเปล่า ไร้การตรวจสอบ


นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดเสวนา “อนาคตประเทศไทย หลังโควิด-19” จัดโดยพรรคเพื่อไทย ว่า ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยอยู่ในช่วงที่ต้องพิจารณาใน 2 ประเด็นที่คาบเกี่ยวกัน คือ ความสมดุลด้านระบาดวิทยา กับ เรื่องผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งประเทศที่ประสบความสำเร็จที่แท้จริง  ไม่ใช่ประเทศที่หยุดการระบาดได้อยู่หมัดบนซากปรักหักพัง และไม่ใช่ประเทศที่ปล่อยการระบาดรุนแรงจนยืดเยื้อ กระทบต่อชีวิตประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ แต่กลับเป็นประเทศที่สามารถสร้างความสมดุลให้การระบาดอยู่ในภาวะควบคุมได้ พร้อมกับประคองเศรษฐกิจให้ยืนอยู่ได้ในวันที่โลกยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทย จัดอยู่ในประเทศควบคุมการระบาดได้ดี แต่การออกมาตรการควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้น มากเกินความจำเป็น และมีผลกระทบสูงต่อการใช้ชีวิตของประชาชน พรรคเพื่อไทยได้ตระหนักถึงความจำเป็นต่อเรื่องนี้ และได้มีการเรียกร้องให้เปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ให้คนได้ใช้ชีวิต ทำงานเพื่อเลี้ยงปากท้องของตนและครอบครัว ก่อนสถานการณ์เศรษฐกิจจะล้มละลายจนยากเกินเยียวยา


“วันนี้เรามีคำถามที่ใหญ่กว่านั้น คือ หลังจากเรื่องนี้คลี่คลายลง ไทยจะเดินต่อไปอย่างไร เราต้องกลับมาถามตัวเองว่านับจากวันนี้ไทยมองเห็นโอกาสอะไร และมีแผนจะคว้าโอกาสนั้นอย่างไร” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้มองเห็นโอกาสของไทย ที่จะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงตัวเอง  ทำให้เกิดศูนย์กลาง 4 ด้าน เป็นโอกาสที่จะต้องไขว่คว้าให้ได้ ในยามที่นานาประเทศต่างกำลังฟื้นฟูภาวะทางสังคม เศรษฐกิจจากบาดแผลของโควิด-19 และหาลู่ทางทำธุรกิจแนวใหม่ที่แตกต่างจากการทำธุรกิจแบบเดิม ๆ ประกอบด้วย 1.ศูนย์กลางการท่องเที่ยวปลอดภัย ไทยเป็นประเทศที่สามารถคุมการระบาดได้ดี อันดับต้น ๆ ของโลก ในขณะที่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอื่นกำลังมีปัญหา และเต็มไปด้วยความกังวล หวาดกลัว การท่องเที่ยวในประเทศเราสามารถเริ่มได้เร็ว และไทยสามารถเปิดประเทศรับการท่องเที่ยวได้เร็วกว่าประเทศอื่น ภายใต้มาตรการป้องกันที่รัดกุมและผ่อนคลาย จึงเป็นโอกาสของไทยในการสร้างมาตรฐานใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและภาคบริการ โดยเน้นความปลอดภัย เสริมสร้างความมั่นใจ และใช้จุดเด่นในเรื่องการป้องกันทางสาธารณสุขเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว 

นายสมพงษ์ กล่าวว่า 2.ศูนย์กลางการแพทย์และสาธารณสุข การรับมือโควิด-19 ได้แสดงถึงศักยภาพด้านสาธารณสุขของไทย ทั้งด้านระบาดวิทยา ที่ทำให้อัตราการแพร่ระบาดต่อประชากรต่ำ และด้านการรักษาที่มีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตต่อผู้ป่วยต่ำมาก ไทยมีต้นทุนภาคอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพ ศัลยกรรมความงาม สปา การใช้สมุนไพรและธรรมชาติบำบัด เป็นที่ยอมรับและมีมาตรฐานสูง และยังมีภาคเอกชนด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็งมาก เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง โอกาสในการพัฒนาศูนย์กลางการแพทย์และสาธารณสุขที่เชื่อมโยงไปกับการพัฒนาสุขภาพและการท่องเที่ยว จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้มาก


นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า 3.ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและผู้ผลิตสินค้ากลางน้ำแหล่งใหม่ ช่วงก่อนสงครามการค้า ห่วงโซ่การผลิตข้ามชาติส่วนใหญ่ จะเกี่ยวพันกับประเทศจีน สงครามการค้าเป็นความพยายามที่จะสร้างอีกหนึ่งห่วงโซ่การผลิตเพื่อให้เกิดทางเลือกใหม่ทางการค้าโดยไม่ผ่านจีน หากไม่มีเรื่องโควิด-19 มีความเป็นไปได้สูงที่โลกจะมี 2 ห่วงโซ่ใหญ่ ๆ คือ ฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตก แต่หลังจากโควิด-19 การที่เศรษฐกิจโลกมีเงื่อนไขผูกมัดกันมาก การผลิตผูกพันกันสูง ทำให้ความเสียหายกระจายในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่โลกจะปรับตัวในการสร้าง ผู้ผลิตกลางน้ำรายเล็ก ๆ ขึ้น  โดยลดการพึ่งพิงการผลิตจากชาติใหญ่ ซึ่งตรงนี้เป็นโอกาส ไทยมีศักยภาพในการเป็นซัพพลายเออร์ให้กับโลกยุคใหม่ เพราะเรามีค่าแรงที่ไม่แพง มีวัตถุดิบมหาศาล มีโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมที่ดี จังหวะที่ทั้งโลกต่างเข็ดขยาดกับการผูกขาดการผลิตในรูปแบบเดิม จึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยจะช่วงชิงโอกาสนี้มา

นายสมพงษ์ กล่าวว่า 4.ศูนย์กลางอาหารปลอดภัยของโลก อุตสาหกรรมหนึ่งที่อยู่รอดจากวิกฤติโควิด-19 คือ อุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย เพราะมนุษย์จำเป็นต้องบริโภค และยิ่งจะเลือกบริโภคมากขึ้นหลังจากเกิดวิกฤติการณ์นี้ ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านการผลิตอาหารป้อนโลก แต่ยังทำได้ไม่ดีนักเรื่องการผลิตอาหารปลอดภัย ซึ่งตรงนี้หากพัฒนาได้จะเป็นการสร้างมูลค่าการผลิตแบบก้าวกระโดด จากสินค้าการเกษตรพื้นฐาน กลายเป็นสินค้าการเกษตรคุณภาพ ราคาสูงที่เน้นความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งกำลังจะเป็นแนวโน้มของโลกข้างหน้า 

“ทั้ง 4 โอกาสที่นำเสนอมา จะเกิดขึ้นได้ ถ้ารัฐบาลมีวิสัยทัศน์ แต่ในทางตรงข้าม จะกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันหากรัฐบาลไม่กระตือรือร้น สร้างสรรค์ และยังคงวนในกับดักเก่าที่ทำงานและบริหารแบบเดิมไปเรื่อย ๆ รัฐบาลนี้ได้กู้เงินจำนวนมหาศาล แต่มองไม่เห็นทิศทางการวางอนาคตให้ประเทศสักเท่าใด นอกจากความกังวลใจที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความห่วงใยว่าจะมีการนำทรัพยากรและเงินกู้จำนวนมหาศาลนี้ไปหาประโยชน์ทางการเมืองและหาประโยชน์ส่วนตนของพวกพ้อง เชื่อว่าคนส่วนใหญ่กำลังเฝ้าติดตามและอยากเห็นการใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมียุทธศาสตร์ จึงอยากฝากให้รัฐบาลมองสถานการณ์หลังโควิด-19 ให้เห็นถึงโอกาส และใช้งบประมาณเหล่านี้ เป็นเครื่องมือไปสร้างอุตสาหกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพแห่งโอกาสให้ประเทศ” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าเงินกู้จำนวนมหาศาลนี้ คนที่ต้องร่วมกันชดใช้ คือ ประชาชนทั้งประเทศ รวมถึงลูกหลานเป็นลูกหนี้ต่อไปอีกยาวนาน แต่รัฐบาลเป็นคนนำเงินไปใช้ ดังนั้นเงินกู้จากสถานการณ์นี้จึงจำเป็นต้องถูกนำไปใช้ด้วยความรับผิดชอบและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยแท้จริง ไม่ใช่การแบ่งเค้กชิงผลประโยชน์ การใช้เพื่อฐานเสียง การเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องผ่านโครงการต่าง ๆ ภายใต้เงินกู้ก้อนนี้ 

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เพราะ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ ที่ทำให้คนไทยตกเป็นหนี้ก้อนมหาศาล รัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหาร มีอำนาจในการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวอย่างเต็มที่ แต่กลไกการตรวจสอบและกำกับการใช้จ่ายเงิน กลับมีเพียงการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เพียงไม่กี่คน ตรวจสอบเงินจำนวนมหาศาล โดยไม่ต้องรายงานการใช้จ่ายต่อฝ่ายนิติบัญญัติ อันเป็นระบบที่หละหลวมและอาจเสี่ยงต่อความไม่โปร่งใส ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลใจอย่างยิ่ง 

ในส่วนของเงินเยียวยาที่จัดสรรให้ประชาชนเดือนละ 5,000 บาท เป็นจำนวน 3 เดือน นายสมพงษ์ กล่าวว่า ก่อให้เกิดปัญหาอย่างมากในการปฏิบัติ เงินช่วยเหลือภายใต้เงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนดเป็นสิ่งที่เข้าถึงยาก ล่าช้า ไม่เพียงพอและไม่ครอบคลุม ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ ไม่ทันการณ์ จนเป็นเหตุให้คนส่วนใหญ่ต้องประสบกับภาวะอดอยาก แร้นแค้นโดยไม่จำเป็น กระบวนการที่ขาดการเตรียมความพร้อม กลับส่งผลให้คนที่เข้าไม่ถึงทรัพยากรจำนวนมากสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และท้ายที่สุดส่งผลให้เกิดโศกนาฏกรรมและมีคนฆ่าตัวตายรายวัน อันเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนจากปัญหาการจัดการนี้ 

“ที่สำคัญ ในส่วนของ พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อฟื้นฟู ได้เปิดช่องให้มีการใช้วงเงินตามอำเภอใจ จนเป็นเหตุให้เกิดเป็นการใช้เงินแบบเบี้ยหัวแตก สูญเปล่า หรืออาจมีการใช้เพื่อผลทางการเมืองกับพรรคร่วมรัฐบาลและเอื้อกลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ส่วน พ.ร.ก.ช่วยเหลือวิสาหกิจ หากไม่มีหลักการที่รัดกุมอาจเปิดช่องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเกิดการเลือกปฏิบัติ ซึ่งอาจถูกกล่าวหาว่าใช้เงินรัฐอุ้มคนรวย จนก่อให้เกิดปัญหาคอร์รัปชั่น และเกิดความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ ทั้งหมดคือความจำเป็นสำคัญ ที่ตัวแทนของประชาชน ผู้มีหน้าที่ที่จะต้องร่วมกันตรวจสอบให้การใช้เงินก้อนนี้เป็นไปอย่างสุจริตและมีประสิทธิภาพสูงสุด ป้องกันไม่ให้เป็นการตีเช็คเปล่า ให้รัฐบาลใช้เงินตามอำเภอใจ ไร้การตรวจสอบ จนอาจส่งผลเสียต่อประเทศอย่างมีนัยสำคัญ” นายสมพงษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึง ส.ค.นี้

ทำเนียบ 14 พ.ค.-รัฐบาลเชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ทุกสถานพยาบาลทั่วประเทศ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมวัคซีนเพื่อป้องกันสายพันธุ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยจัดเตรียมวัคซีนรองรับ 4,570,000 ล้านโดส กระจายหน่วยบริการให้บริการฉีดกลุ่มเป้าหมาย ระบุเป็นวัคซีนป้องกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A(H1N1), สายพันธุ์ A (H3N2) และ สายพันธุ์ B วิคตอเรีย ที่มีประสิทธิผลและมีความปลอดภัย สปสช. กำหนดเป้าหมายเพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12 -20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์) 2. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี 3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 […]

เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 14 พ.ค.-“ชัยชนะ” เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง ย้ำพร้อมช่วยเหลือทุกกรณี หากไม่ได้รับความเป็นธรรม นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมด.ต.นิสาธิต คงเทพ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ณ เรือนรับรองตำรวจชายแดนที่ 43 จังหวัดสงขลา โดยในโอกาสนี้ นายชัยชนะได้มอบกระเช้าและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครอบครัว นายชัยชนะ ได้พูดคุยกับ ด.ต.นิสาธิต ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร หากมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นหรือมีความต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด กรรมาธิการตำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ นายชัยชนะ ยังได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอโทษประชาชนที่เกิดความไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าพรรคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและการแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม.-312.-สำนักข่าวไทย

ปูพรมค้น 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง

ตรัง 14 พ.ค. – ตำรวจปูพรมปิดล้อม 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ล่าสุดตามยึดรถกระบะของกลางที่คนร้ายใช้ไปซื้อยางรถยนต์มาก่อเหตุ เมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) ตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังร่วมกันตรวจยึดรถกระบะโตโยต้า สีเทาดำ (สงวนหมายเลขทะเบียน) และสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายรายการ ที่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ “บิน ควนกุน” อายุ 37 ปี หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้มีอิทธิพล, นายจรณชัย สมาธิ หรือ แต้ม อายุ 32 ปี, นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือ แจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์ บุญเกื้อ […]

แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายยื่นขอความเป็นธรรมปมมติแพทยสภา

สธ. 13 พ.ค. – แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสภานายกพิเศษ กรณีมติที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความส่วนตัวที่ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ กรณีที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภามีมติการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ปม “ทักษิณ ชินวัตร” รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพและเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูล หรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งนี้ มีนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง นายกองตรี […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ ประกาศเริ่มต้นฤดูฝนปี 2568 อย่างเป็นทางการ

กรุงเทพฯ 15 พ.ค. – กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่องการเริ่มต้นฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ. 2568 โดยระบุว่า ประเทศไทยได้สิ้นสุดฤดูร้อนและเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ลงนามในประกาศฯ ดังกล่าว หลังจากพิจารณาองค์ประกอบตามเกณฑ์ทางอุตุนิยมวิทยา โดยระบุว่า บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นครอบคลุมพื้นที่มากกว่าร้อยละ 60 ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วันขึ้นไป ประกอบกับลมระดับบนที่ความสูงประมาณ 3.5 กิโลเมตร ได้เปลี่ยนทิศเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมมรสุมที่นำความชื้นจากทะเลอันดามันเข้ามาปกคลุมประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันลมระดับบนที่ความสูงประมาณ 30 กิโลเมตร ได้เปลี่ยนทิศเป็นลมฝ่ายตะวันออก ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการพิจารณาการเริ่มต้นฤดูฝน ทั้งนี้ ในช่วงต้นฤดูฝนจะมีปริมาณฝนน้อย ก่อนที่ปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มมากขึ้นในระยะต่อมา โดยฤดูฝนของพื้นที่ประเทศไทยตอนบนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนตุลาคม ส่วนภาคใต้ โดยเฉพาะฝั่งตะวันออก จะยังคงมีฝนตกชุกต่อเนื่องไปจนถึงกลางเดือนมกราคมปีถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมือสภาพอากาศที่อาจเปลี่ยนแปลงในช่วงฤดูฝนนี้อย่างเหมาะสม. -512–สำนักข่าวไทย

ยักยอกเงินวัด

ศาลอนุมัติหมายจับ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ยักยอกเงินวัดเล่นพนัน

15 พ.ค.- ศาลอาญาทุจริต อนุมัติหมายจับ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ยักยอกเงินวัด เล่นพนันออนไลน์ จากกรณีมีการตรวจสอบพบ พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จ.นครปฐม หรือ เจ้าคณะภาค 14 กระทำการทุจริตยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารของวัดโอนเข้าบัญขีธนาคารส่วนตัว เพื่อนำไปเล่นพนันออนไลน์ กว่า 300 ล้านบาท ก่อนที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พระธรรมวชิรานุวัตร จะชิงเดินทางมาขอเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อเข้ามอบตัวชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตามที่เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปปป. นำพยานหลักฐานเข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอออกหมายจับ พระธรรมวชิรานุวัตร ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ชื้อ หรือ จัดการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบัง หรือ ทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงาปฏิบัติหรือละเว้นการปติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต” กระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น. ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานต่างๆ จากพนักงานสอบสวนแล้ว มีความเห็นควรให้อนุมัติการออกหมายจับอย่างเป็นทางการ ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างนำหมายจับมาแสดงต่อพระธรรมวชิรานุวัตร […]

นายกฯ เดินทางถึงกรุงฮานอย เวียดนาม

เวียดนาม 15 พ.ค.-นายกฯ เดินทางถึงกรุงฮานอย เวียดนาม เตรียมพบภาคเอกชนไทย-เวียดนาม ขยายการค้า-การลงทุน วันนี้ (15 พ.ค. 2568) เมื่อเวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งตรงกับเวลาในประเทศไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบไปด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีนายเหวียน วัน หุ่ง (H.E. Mr. Nguyen Van Hung) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม […]

ส่งตัวพลทหารขับแกร็บ กลับต้นสังกัดกองทัพอากาศ

พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ 15 พ.ค.-ส่งตัวพลทหารขับแกร็บ กลับต้นสังกัดกองทัพอากาศ รับรองความปลอดภัย ขณะตัวผู้พันบินตรงจากอุดรธานี มารับด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายเจ้าตัวขออยู่กรุงเทพฯ ก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี รองผู้บังคับกองพันนายหนึ่งในสังกัดกองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี ถูกกล่าวหาว่าใช้ทหารกองประจำการจากจังหวัดอุดรธานีไปขับรถรับส่งผู้โดยสาร (แกร็บ) เพื่อประโยชน์ส่วนตนนั้น และทางผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าว และได้มีคำสั่งให้ดำเนินการย้ายรองผู้บังคับกองพันรายดังกล่าว ออกจากตำแหน่งเดิม โดยในวันนี้ได้มีการส่งตัว พลทหารกองประจำการ หรือพลทหารรายดังกล่าว โดยเพจ สายไหมต้องรอด ให้กับกองทัพอากาศ ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ โดยพลอากาศโทประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ร่วมรับตัวทหารกองประจำการ หรือพลทหารคนดังกล่าวที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ และมีการรับรองความปลอดภัยจากนั้นตัวผู้บังคับการกองบินจากจังหวัดอุดรธานีซึ่งเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครในวันนี้ เพื่อรับตัวพลทหารดังกล่าวเพื่อกลับไปทำงานตามสังกัดปกติที่จังหวัดอุดรธานีต่อไป ทั้งนี้สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนตัว นายทหารที่นำพลทหารมาขับแกร็บนั้น ตามระเบียบมีกรอบเวลาอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าจะมีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นนโยบายที่ทางผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้ให้ความสำคัญและย้ำมาตลอดในเรื่องของการดูแลทหารกองประจำการหรือพลทหาร ให้เป็นไปตามกฎระเบียบและไม่ให้มีการนำตัวไปใช้งานในลักษณะที่ขัดต่อระเบียบอยู่แล้ว อย่างไร ก็ตาม น.อ.วุฒิกร สุวารี รองโฆษก ทอ.และรองเสนาธิการ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ซึ่งมาร่วมในการรับตัวทหารกองประจำการ ยืนยันความปลอดภัยพร้อมระบุ เพื่อความสบายใจทหารรายดังกล่าว จะให้พักภายในกองบัญชาการทหารอากาศโยธินกรุงเทพมหานครไปก่อน จนกว่าจะมีความสบายใจ และมั่นใจในความปลอดภัย […]