กรุงเทพฯ 15 พ.ค.-อดีตรองโฆษก ปชป.ชี้ทางรอดการบินไทย ฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายล้มละลาย ไม่ใช่ปล่อยล้มละลาย เปิดทางเข้าสู่ภาวะพักชำระหนี้ ควบคู่ขจัดโกง ต้นตอทำการบินไทยเหลือแต่ซาก
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องการฟื้นฟูกิจการไม่ใช่ล้มละลาย แต่เป็นกระบวนการทางกฎหมายให้การบินไทยอยู่รอด มีเนื้อหาระบุ ว่า ปัญหาการบินไทยที่อยู่ในภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน มีหนี้สินล้นพ้นตัว ใกล้จะล้มละลายเต็มที หลายฝ่ายได้ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยที่จะให้รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเข้าไปอุ้มค้ำประกันเงินกู้ มีการพูดถึงกระบวนการขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งทุกฝ่ายค่อนข้างจะเห็นด้วยกับวิธีนี้ แต่ก็ไม่วายมีการใช้คำผิด ๆ ถูก ๆ ว่าเป็นการปล่อยให้การบินไทยล้มละลายตามกฎหมาย ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะคำว่าล้มละลายกับคำว่าฟื้นฟูกิจการมีกระบวนการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุด้วยว่า ในฐานะที่เป็นนักกฎหมายและเป็นทนายความที่เคยมีประสบการณ์ว่าความในคดีล้มละลายและทำคดีฟื้นฟูกิจการมาหลายคดี จึงขออธิบายและให้ความเห็นดังนี้ การขอฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 เป็นกฎหมายแก้ไขใหม่เมื่อปี พ.ศ.2541 เป็นกระบวนการทางกฎหมายอย่างหนึ่งที่จะช่วยลดอุปสรรคและข้อจํากัดในการปรับปรุงโครงสร้าง กิจการและหนี้ของลูกหนี้ที่อยู่ในภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว เพื่อให้ลูกหนี้สามารถแก้ไขปัญหาการชําระหนี้และดําเนินกิจการต่อไปได้ ในขณะที่เจ้าหนี้จะได้รับชําระหนี้มากกว่าการไปฟ้องร้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งหรือคดีล้มละลาย ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การยึดอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นสำคัญ ซึ่งหากศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอไว้พิจารณา ก็จะมีการตั้งผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนและขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อคุมครองกิจการของลูกนี้ ที่สำคัญจะเกิดสภาวะพักชำระหนี้ในทันที กล่าวคือเจ้าหนี้จะฟ้องร้องหรือบังคับคดีลูกหนี้ในระหว่างนี้ไม่ได้ หากทำสำเร็จก็จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายลูกหนี้ก็สามารถดําเนินกิจการต่อไปได้ ส่วนเจ้าหนี้จะได้รับชําระหนี้จากลูกหนี้มากกว่ากรณีที่ลูกหนี้ต้องล้มละลาย นอกจากนี้ กระบวนการฟื้นฟูกิจการยังเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศที่สามารถช่วยไม่ให้กิจการต่าง ๆ ที่มีช่องทางฟื้นฟูกิจการต้องล้มละลายไป โดยเฉพาะกิจการขนาดใหญ่ที่มีการจ้างงาน หรือมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลเป็นจํานวนมาก ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง
อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุด้วยว่า ส่วนการฟ้องล้มละลาย เป็นเรื่องกรณีที่ลูกหนี้สำหรับบุคคลธรรมดา ถ้ามีหนี้เกิน 1 ล้านบาท ส่วนนิติบุคคลถ้าเกิน 2 ล้านบาท กฎหมายให้ถือว่าเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว เจ้าหนี้สามารถนำไปฟ้องเป็นคดีล้มละลายต่อศาลได้ ซึ่งจะนำไปสู่คำสั่งศาลให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อำนาจจัดการทรัพย์สินก็จะตกแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และหากไม่สามารถประนอมหนี้สำเร็จ ก็จะนำไปสู่คำพิพากษาให้ล้มละลายในที่สุด ถือเป็นการสิ้นสภาพบุคคลหรือที่เรียกกันว่าเป็นการตายทางกฎหมาย ต่อจากนี้จะเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการการรวบรวมทรัพย์ เพื่อจำหน่าย นำแบ่งชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แต่ละรายจนหมดสิ้นทรัพย์สินของลูกหนี้
“กรณีของการบินไทย ผมจึงเห็นด้วยและสนับสนุนแนวคิดที่จะให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการขอฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายล้มละลาย เนื่องจากศักยภาพโดยรวมยังสามารถดำเนินกิจการต่อได้สบาย ๆ แต่ขาดสภาพคล่องเรื่องหนี้สิน ที่สำคัญการบินไทยเป็นเป็นสายการบินแห่งชาติเป็นน่าตาของประเทศ หากปล่อยให้ล้มละลายย่อมเกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียงต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวอันเป็นรายได้หลักของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วย คือ การขจัดการโกงภายในที่กัดกินจนทำให้การบินไทยเหลือแต่ซากอยู่ในขณะนี้” นายเชาว์ ระบุ.-สำนักข่าวไทย