BIG STORY : ย้อนปัจจัยสำคัญกระทบ “การบินไทย” จนวิกฤติ

กทม. 14 พ.ค. – กรณี “การบินไทย” ขาดทุนหนักเนื่องมาจากการดำเนินงานที่ขาดทุนในหลายปี ตั้งแต่พันล้านถึงหมื่นล้านบาท ประเด็นหลักที่ส่งผลมีทั้งมรสุมราคาน้ำมันในตลาดโลกและธุรกิจการบินที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง ทำให้แม้จะมีรายรับมหาศาลแต่รายจ่ายก็มหาศาลเช่นกัน


การบินไทยที่ก่อตั้งในปี 2503 หรือ 60 ปีที่ผ่านมา เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคมและเป็นสายการบินแห่งชาติของไทย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปี 2534 แต่ยังความเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่


ในอดีตพบว่าหุ้นการบินไทยที่เปิดขายในราคาหุ้นละ 60 บาท นักลงทุนต้องแย่งกันซื้อโดยวิธีจับสลาก และการบินไทยในปี 2542 การบินในยุคที่มีนายธรรมนูญ หวั่งหลี เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มีรายได้ 112,020 ล้านบาท มีผลประกอบการดีที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ


หลังจากนั้นการบินไทยมีผลประกอบการสร้างกำไรต่อเนื่อง ก่อนพบกับมรสุมราคาน้ำมันในตลาดโลกในปี 2550 และการจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ ต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูง การแข่งขันในธุรกิจการบินที่รุนแรง ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2556 เริ่มขาดทุน 12,000 ล้านบาท และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2562 ที่ขาดทุนหลักหมื่นล้านบาทเช่นกัน

ประเด็นสำคัญที่ในยุคหลังถูกระบุว่าเป็นสาเหตุที่การบินไทยขาดทุน ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มเข้ามาให้บริการของสายการบินต้นทุนต่ำ หรือ โลว์คอสต์แอร์ไลน์ ในปี 2546 ทำให้มีผู้ให้บริการมากขึ้นและเติบโตมาต่อเนื่อง

ปัจจุบันประเมินว่าสายการบินต้นทุนต่ำในปี 2562 มีผู้ใช้บริการ 50-60 ล้านคน มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% รวมถึงนโยบายการเปิดน่านฟ่าเสรี ในปี 2558 ยิ่งทำให้สมรภูมิธุรกิจการบินหนักหน่วงมากขึ้น 

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า นอกเหนือจากโลว์คอสต์แอร์ไลน์ เข้ามาทำตลาดการบินให้กับคนทั่วไปนับล้านคนแล้ว ยังมีกรณีที่การบินไทยยึดติดกับตลาดเดิมในยุโรป รวมถึงการปรับตัวและวิเคราะห์ตลาด และการเป็นรัฐวิสาหกิจที่บริหารงานแตกต่างจากสายการบินเอกชนที่เน้นผลกำไร-ขาดทุนเป็นหลัก รวมถึงการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-500 ที่ไม่เหมาะสมกับภาวะราคาน้ำมันโลกพุ่งสูง

อีกแนวทางที่ประเมินว่าเป็นความผิดพลาด คือ การเปิดเส้นทางการบินที่ทำให้ขาดทุนหนัก ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ-นิวยอร์ก ที่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำมาสู่การขาดทุน  

ข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2562 พบว่าการบินไทย และไทยสมายล์ มีเครื่องบินใช้ปฏิบัติการทั้งหมด 103 ลำ โดย 48 ลำ เป็นเครื่องบินพิสัยไกลบินข้ามทวีป พิสัยกลางในเส้นทางภูมิภาค 35 ลำ และ เครื่องบินลำตัวแคบที่ใช้บินเส้นทางระยะใกล้ 20 ลำ

ตรวจสอบข้อมูลจากรายงานประจำปี 2562 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พบว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บริษัทมีเครือข่ายเส้นทางการบินให้บริการครอบคลุม 62 จุดบิน ใน 31 ประเทศทั่วโลก  เมื่อสิ้นปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 256,665 ล้านบาท หนี้สินรวม 244,899.44 ล้านบาท  รายได้รวม 188,954.45 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 12,042.41 ล้านบาท และมีเงินสด 21,663 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ผลประกอบการปี 2563 ประเมินว่าช่วง 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2563 ประสบปัญหาขาดทุน 18,038 ล้านบาท และเริ่มมีกระแสเงินสดติดลบตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป

เจาะรายได้ย้อนหลัง 3 ปีของงบการเงินรวมทั้งบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย พบว่า

ปี 2560 มีรายได้รวม 190,535 ล้านบาท แต่มีรายจ่าย 193,430 ล้านบาท 

ปี 2561 มีรายได้รวม 200,586 ล้านบาท แต่มีรายจ่ายรวม 212,192 ล้านบาท 

และในปี 2562 มีรายได้รวม 188,954 ล้านบาท แต่มีรายจ่าย 199,989 ล้านบาท

รายได้หลักยังมาจากค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน รวมถึงค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์

อย่างไรก็ตาม บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้พยายามปรับตัวเพื่อให้รักษาธุรกิจให้อยู่รอด หลังจากงบประมาณขาดทุนหนักหน่วงมาหลายปี จากข้อมูลในรายงานประจำปี 2562 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้รายงานเรื่อง “ปัจจัยความเสี่ยง” ที่เป็นผลกระทบต่อธุรกิจเพื่อนำไปวางแผนแก้ไขปัญหา แบ่งเป็น 10 ด้าน อาทิ ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันอากาศยาน ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ความเสี่ยงจากการแข่งขันในธุรกิจการบิน เป็นต้น

ปัจจุบันการบินไทยได้ให้บริการการบินไปยังท่าอากาศยานทั้งหมด 64 แห่ง ใน 35 ประเทศ (รวมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและประเทศไทย) ครอบคลุมทั้งหมด 3 ทวีป ล่าสุดคือ การให้บริการที่ท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนา กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งถือว่าเป็นท่าอากาศยานที่ 64 ที่การบินไทยทำการบินประจำ

หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ปี 2534 ในยุคของนายธรรมนูญ หวั่งหลี ปัจจุบันมีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือดีดี มาแล้ว 7 คน 

ในรอบ 10 ปีล่าสุด มีเพียงยุคของนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ดีดีการบินไทยในช่วงปีวันที่ 18 มิถุนายน 2552-20 มิถุนายน 2555 และนายจรัมพร โชติกเสถียร (1 ธันวาคม 2557-9 กุมภาพันธ์ 2560) ที่การบินไทยมีผลประกอบการได้กำไร

ส่วนในยุคอื่น ๆ ผลประกอบการของการบินไทยประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง โดยมีรายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่าการบินไทยมีแผนที่จะเริ่มกลับมาทำการบินในเส้นทางระหว่างประเทศอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2563 เป็นต้นไป โดยจะเปิดทำการบินในเส้นทางระหว่างประเทศรวม 37 เมือง ซึ่งเป็นการปรับลดเส้นทางลง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของบริษัท ประกอบกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ปัจจุบันการบินไทยได้เปิดให้บริการระบบการสำรองที่นั่งในเดือนกรกฎาคมแล้ว โดยเปิดให้สำรองเพียง 30% ของเที่ยวบินที่มีเท่านั้น. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย