“สมคิด” ประชุมแผนพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

ก.คลัง 8 พ.ค. – “สมคิด” ประชุมแผนพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ธ.ก.ส.เสนอขอวงเงิน 55,000 ล้านบาท ตั้งกองทุนดูแลเกษตรกร พร้อมปล่อยสินเชื่อ 4.8 แสนล้านบาท  ปูพรมช่วยเหลือชุมชนทั่วประเทศ เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาสัปดาห์หน้า คาดขับเคลื่อนชุมชนต้นเดือน มิ.ย.63 


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชุมแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากร่วมกับผู้บริหารส่วนราชการ ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐและเอกชน สภาเกษตรกรแห่งชาติ หลังเศรษฐกิจโลกทรุดตัวการท่องเที่ยวมีปัญหาในช่วงโควิด -19 รัฐบาลจึงต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศสร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่นในช่วง 1 ปีข้างหน้า และดึงภาคเอกชนรายใหญ่เข้ามาร่วมดูแลชุมชน เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาสัปดาห์หน้า เพื่อเริ่มเดินหน้าโครงการ เพื่อสร้างงาน การผลิต การตลาด การจ้างงาน ต้นเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากปัญหาการแพร่ระบาดคลี่คลายลง ในช่วง 3-6 เดือนต้องหันมาเน้นสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้วงเงิน 400,000 ล้านบาท จาก พ.ร.ก.เงินกู้นำมาพัฒนาชุมชน เพื่อให้ส่วนราชการเสนอโครงการดูแลชุมชน

สำหรับแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ต้องเน้นเชิงปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ขอให้เตรียมการควบคู่ไปรอการเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง เพราะเป็นการปล่อยสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แต่ขอคิดดอกเบี้ยต่ำ จากนั้นเสนอของบประมาณช่วยเหลือ เพื่อลดภาระให้คนฟื้นจากปัญหาโควิด-19 ต้องเดินหน้าไปก่อน โดยผู้จัดการ ธ.ก.ส.ทุกพื้นที่ต้องเป็นผู้จัดการโครงการดูแลอย่างใกล้ชิด และต้องเน้นการอบรม เพราะจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชุมชน โดยมีเบี้ยเลี้ยงอบรมและดึงมหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานอื่นมาช่วยอบรม ทั้งนักศึกษาจบใหม่ คนอยากทำเกษตรสมัยใหม่ หากมีศักยภาพและโอกาสต้องส่งเสริม ขณะที่กรมส่งเสริมอุตสหากรรม ต้องส่งเสริมการแปรรูปจากสินค้าเกษตร  ในการสร้างความเข้มแข็งธุรกิจชุมชน คนรุ่นใหม่ไฟแรงพร้อมอยากทำ หรือส่งเสริมการปลูกป่า ทำสมาชิกกองทุนหมู่บ้านปลูกป่า กำหนดแผนให้ชัดเจน ในช่วง 3-4 เดือน จะเกิดการจ้างงานอีกจำนวนมาก หวังดึงแรงงานช่วงนี้ทำงานในชุมชนกว่า 300,000 ราย รองรับปัญหาโควิด-19  ดึงสมาร์ทฟาร์มเมอร์นับหมื่นแห่งมาช่วยส่งเสริม  


นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า  การนำเทคโนโลยีมาเสริมสร้างชุมชนให้มีความเข็มแข็งต้องมีระบบพี่เลี้ยงคอยดูแล ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมส่งเสริมเครื่องมือ เครื่องจักรช่วยเหลือเกษตรกร สำหรับสินเชื่อ ธ.ก.ส.วงเงินสูง 480,000 ล้านบาท ต้องพิจารณาการชดเชยภาระดอกเบี้ยในกรอบเหมาะสม เพื่อดูแลรายย่อยให้มีทุนหมุนเวียน 


นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ  ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ชี้แจงที่ประชุมว่า “นโยบายธุรกิจชุมชนสร้างไทย” คาดผู้ตกงานจากปัญหาโควิด-19 จำนวน 7 ล้านคน ขณะนี้มีผู้ยื่นขอกู้ฉุกเฉินจาก ธ.ก.ส. ประมาณ  1.87 ล้านราย  สำหรับผู้เดินทางกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัดช่วงนี้ส่วนใหญ่ทำร้านอาหาร 850,000 ราย นวดแผนโบราณ 100,000 ราย  เมื่อสอบถามคนรุ่นใหม่อยากทำเกษตรอุตสาหกรรม เกษตรเทคโนโลยี ประมาณครึ่งหนึ่งอยากอยู่กับบ้านไม่กลับเข้ามาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ อยากทำงานอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด ธ.ก.ส.จึงต้องทำให้เกิดการจ้างงานเริ่มโครงการ 1 พฤษภาคม 2563 – 31 มีนาคม 2565 จำนวน 75,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ วงเงิน 55,000 ล้านบาท ตั้งเป็นกองทุนดูแลเศรษฐกิจฐานรากใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแกนหลักยึดการทำงาน บวกกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำงาน    

นายอภิรมย์ กล่าวว่า ธ.ก.ส.เสนอ 3 โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย 1. โครงการสร้างความมั่นคงด้านอาหารระดับชุมชน ของบประมาณสนับสนุน 720 ล้านบาท  เพื่อให้พึ่งพาตนเอง 300,000 ราย ส่งเสริมผ่านสินเชื่อพอเพียงเพื่อเลี้ยงชีพ 200,000 ราย วงเงิน 10,000 ล้านบาท หวังลดค่าใช้จ่ายเกษตรกรไม่น้อยกว่า 1,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 18 เดือน เป็นเงิน 5,400 ล้านบาท และสินเชื่อ New Gen ฮักบ้านเกิด คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 ช่วง 3 ปีแรก ขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน เพื่อดึงคนรุ่นใหม่ทำอาชีพ สร้างรายได้ให้คนรุ่นใหม่กว่า 700,000 ราย เป็นเงิน 110,000 ล้านบาท 2.โครงการเสริมสร้างความเข้มแขงด้านธุรกิจชุมชน เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน 16,000 แห่ง ลงทุนปัจจัยพื้นฐาน เพื่อให้พึ่งพาซึ่งกันและกันด้วยการรวมกลุ่มของวิสหากิจชุมชน เสนอของบประมาณสนับสนุน 32,000 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไม่เกินร้อยละ 50 ไม่เกิน วงเงิน 1 ล้านบาทต่อราย  วงเงิน 16,000 ล้านบาท ส่วนอีกส่วนหนึ่งสนับสนุนการปรับเปลี่ยนการผลิต เพื่อช่วยเหลือทั้งระบบน้ำ การสร้างโรงเรือน เครื่องจักรกล จากนั้น ธ.ก.ส.พร้อมปล่อยสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย วเงิน 30,000 ล้านบาท   

3.โครงการสร้างความยั่งยืนเศรษฐกิจฐานราก สนับสนุนสถาบันเกษตรกร  7,255 แห่ง ลงทุนปัจจัยพื้นฐาน เช่น ระบบน้ำ เครื่องจักรกล โรงเรือน ของบประมาณสนับสนุน 21,765 ล้านบาท เพื่อให้รัฐช่วยลงทุนครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกส่วนหนึ่งให้ ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อผ่อนปรนธุรกิจชุมชนสร้างไทย 20,000 ล้านบาท นับว่า 2โคงรการหลักนี้ใช้เงินจากกองทุนช่วยเหลือ นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อประกอบการเกษตร 40,000 ล้านบาท เพื่อให้มีทุนหมุนเวียน  รวมทั้งหมด ธ.ก.ส.พร้อมปล่อยสินเชื่อวเงิน 480,000 ล้านบาท ผ่านสินเชื่อฉุกเฉิน 10,000 ล้านบาท สินเชื่อพอเพียงเพื่อเลี้ยงชีพ 10,000 ล้านบาท สินเชื่อ New Gen ฮักบ้านเกิด 60,00 ล้านบาท สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย 50,000 ล้านบาท สินเชื่อผู้ประกอบการเกษตร 40,000 ล้านบาท และสินเชื่อระยะสั้นสำหรับฤดูกาลใหม่ 300,000 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. พร้อมร่วมมือกับหลายหน่วยงาน กระทรวงอุตสหากรรม กระทรวงเกษตร ทั้งมูลนิธิสัมมาชีพ บมจ.ปตท. เพื่อช่วยเหลือทุกด้าน  พร้อมจัดทำบัตรเกษตรกรให้ครบ 10 ล้านคน เหมือนกับบัตรเครดิตเกษตรกร เพื่อให้มีเงินทุนหมูนเวียนในการประกอบอาชีพ 

นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ชี้แจงว่า การทำเกษตรยุคใหม่ต้องผสานกับภาคอุตสาหกรรมเป็นเกษตรอุตสาหกรรม เมื่อรัฐบาลให้ความสำคัญกับท้องถิ่นต้องหาตลาดให้ชัดเจน ภาคเกษตรในชนบทมีความหลากหลายมิติ ทั้งสังคม วัฒนธรรม เป็นโมเดลแต่ละท้องถิ่น แต่เชื่อมโยงกับตลาดให้เกิดมูลค่า ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ เตรียมเสนอโครงการพัฒนาชุมชน พร้อมสานต่อเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อทำเชิงธุรกิจ การพัฒนาศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อเป็นแหล่งพัฒนาข้าว จึงพร้อมร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า หลังจากปัญหาโควิด-19 เตรียมจัดทำเว็บออนไลน์ เพื่อสร้างตลาดเชื่อมกับชุมชนหวังสร้างให้เป็นตลาดรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เพื่อเป็นแหล่งกระจายสินค้าอีกช่องทาง ปั๊ม ปตท.  

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า การทำตลาดมีความสำคัญมาก หากผลิตสินค้าออกมาจำนวนมากอาจมีปัญหาสินค้าล้นตลาด จึงต้องดูแลด้านตลาด เพื่อรองรับสินค้าคุณภาพของชุมชน การทำตลาดจึงสำคัญมาก และยังทำให้สมาร์ทฟาร์เมอร์ เกษตรรุ่นใหม่มีช่องทางจำหน่าย  ทำให้ผลิตสินค้าได้อีกนาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]