ศบค.เตรียมพิจารณาผ่อนปรนระยะสอง 17 พ.ค.นี้

ทำเนียบรัฐบาล 7 พ.ค.-โฆษกศบค.เผย ผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม นายกฯย้ำเข้มงวดทุกมาตรการต่าง เน้น ทำงานที่บ้าน-เหลื่อมเวลา ลดเคลื่อนย้ายคน เตรียมพิจารณาผ่อนปรนระยะสอง 17 พ.ค.


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (7 พ.ค.)ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 3 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,992 ราย รักษาหาย 2,772 ราย รักษาอยู่ 165 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิมรวม 55 ราย ทั้งนี้ จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 3 ราย รายแรกเป็นหญิงไทยอายุ 59 ปี เป็นแม่บ้าน ภูมิลำเนาจังหวัดยะลา มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันจากประเทศมาเลเซีย ส่วนอีกสองคนเป็นชายอายุ 46 ปีและ 51 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นผู้ป่วยเดินทางมาจากประเทศคาซัคสถาน และเข้ากักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ให้

โฆษกศบค. กล่าวว่า สถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 3,822,860 ราย เสียชีวิต 265,076 ราย สหรัฐอเมริกาติดเชื้อมากที่สุด  1,263,092 ราย เสียชีวิต 69,921 ราย ส่วนในกลุ่มอาเซียนและเอเชีย อินเดียมีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด 52,987 รองลงมาคือปากีสถานและสิงคโปร์ ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 64 ของโลก 


“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะ ผอ.ศบค.มอบแนวทางการทำงาน โดยขอให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญการดูแลระยะเปลี่ยนผ่านของมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มงวด และขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคนที่ทำให้เกิดความสำเร็จ ซึ่งสถานการณ์ยังอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ แต่ยังต้องดำเนินการเชิงรุกตามแนวทางดูแลทุกอย่างอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการเข้าออกต่างประเทศผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยต้องไม่ให้นำเชื้อเข้ามาภายในประเทศ และต้องกักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ ต้องมีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด ให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขและหน่วยงานด้านความมั่นคงดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนด ให้หน่วยงานต่าง ๆรายงานผลกระทบการผ่อนคลายมาตรการและแนวทางการแก้ไข โดยเฉพาะการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และรับฟังข้อเสนอของผู้ประกอบการวย ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานอย่างหนักต้องให้ได้รับเบี้ยเลี้ยงตามสิทธิ์” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

“พล.อ.ประยุทธ์แนะให้มีมาตรการและแนวทางเฉพาะของกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเดินทางโดยรถไฟฟ้า ต้องมีมาตรการต่าง ๆ ดูแล การเหลื่อมเวลาการทำงาน ที่อาจจะต้องเหลื่อมหลายช่วงเวลา โดยให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายดูแลเรื่องนี้ เพราะเมื่อออกมาทำงาน จะทำให้คนแออัดกันในขนส่งมวลชน และมาตรการคือ Work from home การทำงานที่บ้าน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่ให้ทำงานที่บ้านให้มากที่สุดหรือร้อยละ 50 ซึ่งมาตรการนี้จะช่วยลดการเคลื่อนย้ายของคนได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจรายงานการทำงานที่บ้านและการเหลื่อมเวลาการทำงานว่าเป็นอย่างไรบ้าง” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนของสถานศึกษาเตรียมขยายเวลาการเปิดเรียน รวมถึงปรับการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งเรียนผ่านโทรทัศน์ดาวเทียมและระบบออนไลน์ ส่วนการออกกำลังกายในสวนสาธารณะต้องระวังไม่ให้มีการแพร่กระจายโรค ซึ่งการออกกำลังด้วยการเดินถือเป็นวิธีที่ดี แต่การวิ่งออกกำลังต้องระมัดระวัง เพราะมีบางคนใส่หน้ากากผิดแบบ ทำให้หายใจไม่สะดวก

“มีรายงานในที่ประชุมศบค.เรื่องการปิดสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งหากเป็นผู้สูงอายุที่ต้องพักค้างสามารถทำได้ แต่หากเป็นประเภทที่ต้องไปกลับจะไม่อนุญาต เพราะอาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของร้านขายวัสดุก่อสร้าง ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ สินเชื่อ ประกันภัยในห้าง ที่ประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้  ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบประเด็นเหล่านี้ แต่ต้องหารือเพื่อออกเป็นข้อกำหนดและพิจารณาข้อกฎหมายอีกครั้ง” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ก่อนการผ่อนปรนมาตรการในระยะที่สอง มีไทม์ไลน์ที่ต้องดำเนินการ คือวันที่ 8-12 พฤษภาคมเป็นช่วงของการรับฟังความคิดเห็นทั้งเชิงสถิติและสถานการณ์ วันที่ 13 พฤษภาคมจะซักซ้อมทำความเข้าใจ วันที่ 14 พฤษภาคมจะยกร่างการผ่อนปรนระยะที่สองและนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี หากไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในวันที่ 17 พฤษภาคม จะเริ่มมาตรการผ่อนปรนระยะที่สองได้ ซึ่งจะเป็นการผ่อนปรนในกิจการขนาดใหญ่และมีประชาชนเข้าไปจำนวนมาก ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับทุกคนที่จะต้องช่วยกัน

โฆษกศบค. กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าจะต้องพัฒนาการตรวจประชากรกรที่มีกลุ่มเสี่ยงและในสถานที่เสี่ยงให้ได้มากที่สุด โดยเป้าหมายคือต้องตรวจให้ได้ 6,000 รายต่อหนึ่งล้านประชากร คือประมาณ 400,000 ราย ซึ่งขณะนี้ตรวจไปแล้ว 230,000 ราย นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยรายงานว่าได้ปิดสถานที่ตามมาตรการของสถานการณ์ฉุกเฉินไปกว่า 46,000 แห่ง และเปิดสถานที่ตามมาตรการผ่อนปรนกว่า 140,000 แห่ง ส่วนกรุงเทพมหานครจัดชุดตรวจ กิจการและกิจกรรมต่าง ๆ พบว่ากว่า 3,000 แห่งที่มีความผิดและตักเตือนแล้ง

“ขณะที่การพิจารณาเกณฑ์การรับคนไทยกลับประเทศ แบ่งเป็นด่วนที่สุดที่จะได้กลับก่อนได้แก่ ผู้ป่วย ผู้ตกค้างจากสนามบิน ผู้ที่วีซ่าหมดอายุและนักท่องเที่ยวที่ตกค้าง  อีกกลุ่มคือด่วนมากได้แก่ พระสงฆ์ที่ไปปฏิบัติธรรม นักเรียน นักศึกษาและคนตกงาน โดยวันนี้ที่ประชุมศบค.หารือเตรียมรับนักเรียนไทยกลับจากประเทศอาร์เจนตินา 52 คน และอุรุกวัย 2 คน โดยจะเดินทางมาถึงวันที่ 20 พฤษภาคม” นพ.ทวีศิปล์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า การแพร่ระบาดของโรคในต่างประเทศยังมีอยู่ต่อเนื่อง พบว่าผู้ติดเชื้อในไทยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และการระบาด ของเชื้อมาจากทั้งการเคลื่อนย้ายประชากร เช่น จากกรุงเทพมหานครปยังต่างจังหวัด และการรวมกลุ่มมั่วสุม เช่น การดื่มสุรา ดังนั้น ยังต้องคงมาตรการในประเทศอย่างเข้มข้น และตรึงการนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศให้ได้ เพื่อให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นเลขหลักเดียวหรือดีขึ้นกว่านี้

“สถานการณ์การติดเชื้อของประเทศต่าง ๆ ดีขึ้น เช่น จีนและเกาหลีใต้ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เสนอว่า น่าจะปรับเรื่องการประกาศรายชื่อและถอนประเทศบางประเทศที่เป็นเขตโรคติดต่ออันตรายออกไป เพื่อให้มีเรื่องของการทำงานหรือมีความสัมพันธ์ในเชิงด้านเศรษฐกิจสังคมต่างๆ ที่ดีกันไปด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีและที่ประชุมเห็นชอบ แต่ต้องนำไปสู่การดำเนินการต่าง ๆ ที่เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าประเทศได้ทันที ยังต้องมีมาตรการต่าง ๆ ที่จะจัดการ ซึ่งที่ประชุมต้องพูดคุยกันต่อ” นพ.ทวีศิปล์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

โคราชอ่วม! น้ำท่วมหลายจุด เร่งอพยพประชาชน

9 ก.ย. – โคราชอ่วม! น้ำท่วมหลายจุด บางพื้นที่ต้องอพยพประชาชนออกจากบ้านเรือน เพื่อความปลอดภัย ขณะที่พบแล้วศพหนุ่มพิมายขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำป่าซัดตกท่อระบายน้ำข้างกำแพงโรงเรียน คลิปวิดีโอที่ชาวบ้านบันทึกไว้ได้เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (8 ก.ย.) ขณะน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมถนนในพื้นที่บ้านรังกาใหญ่ ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หลังจากมีฝนตกหนัก ระดับน้ำท่วมสูงและเชี่ยวกราก มีชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวกรากไปบริเวณสี่แยกกลางหมู่บ้าน บ้านตะปัน ต.รังกาใหญ่ แม้ชาวบ้านจะเตือนและพยายามตะโกนห้ามแล้วแต่ไม่ฟัง สุดท้ายถูกน้ำป่าซัดทั้งรถและคนลอยหายไปกับกระแสน้ำ กระทั่งช่วงเที่ยงคืนวันนี้ (9 ก.ย.) ระดับน้ำเริ่มลดลง ชาวบ้านพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดง มีกุญแจเสียบคาอยู่ พร้อมกับถังน้ำมัน ลอยมาติดกำแพงโรงเรียนพิมายสามัคคี 1 ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต ชื่อนายสมชาย อายุ 35 ปี ถูกน้ำป่าซัดตกลงไปในท่อระบายน้ำข้างกำแพงโรงเรียน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา ก่อนนำส่งโรงพยาบาลพิมาย เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต นาทีน้ำป่าไหลซัดคนลอยออกจากบ้านคลิปนาทีน้ำป่าไหลเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน บ้านตะปัน หมู่ 5 ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (8 ก.ย.) โดยจะเห็นว่าน้ำป่าที่ไหลมาจากพื้นที่ อ.ห้วยแถลง หลังจากมีฝนตกติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ทำให้น้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน […]

“แพทองธาร” เปิดใจหลังศาลพิพากษาคดีชั้น 14

ศาลฎีกา สนามหลวง 9 ก.ย.- “แพทองธาร” สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ลดโทษ “ทักษิณ” เหลือ 1 ปี ครอบครัวยังห่วง-ภูมิใจในผลงานประวัติศาสตร์ รับเป็นนายกฯ คนแรกที่ต้องติดคุก แต่กำลังใจดี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าฟังคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ทางครอบครัวรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อภัยโทษและลดโทษให้คุณพ่อ ซึ่งพวกเราทั้งครอบครัวสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ เรารู้สึกเรื่องนี้ในทุกๆวัน และขอบคุณทุกท่านที่ส่งกำลังใจห่วงใยให้คุณพ่อและครอบครัวของเรา นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายทักษิณเป็นผู้นำจิตวิญญาณในเรื่องการเมือง ที่ผ่านมาผลงานต่างๆที่ทำเพื่อบ้านเมืองท่านยังเป็นคนที่นึกถึงบ้านเมืองเสมอ ในการหวังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนกินดีอยู่ดี ตัวดิฉันเอง และครอบครัวมีความเป็นห่วงคุณพ่อ และภูมิใจที่คุณพ่อได้สร้างประวัติศาสตร์มากมายให้ประเทศไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนในประเทศ วันนี้ก็เป็นประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีคนแรกที่ต้องจำคุกเรื่องนี้ก็อาจจะค่อนข้างหนักนิดหนึ่ง แต่กำลังใจดีทั้งคุณพ่อและครอบครัว ส่วนตัวดิฉันและพรรคเพื่อไทยยังมุ่งหน้าทำงานต่อเป็นฝ่ายค้านและทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนตรวจสอบรัฐบาลต่อไปในส่วนของพรรคทุกคนมีกำลังใจดี ขอบคุณทุกภาคส่วนประชาชนทุกคนที่ให้ให้กำลังใจและคอยอยู่เคียงข้างกันตลอดที่ผ่านมา.-315 -สำนักข่าวไทย

“ทักษิณ” โพสต์น้อมรับคำพิพากษา

กรุงเทพฯ 9 ก.ย. – “ทักษิณ” โพสต์น้อมรับคำพิพากษา สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานอภัยลดโทษจำคุกคงเหลือเวลา 1 ปี พร้อมขอบคุณประชาชนที่ให้การสนับสนุน ทักษิณโพสต์ X ระบุ “พี่น้องประชาชนที่เคารพด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานอภัยลดโทษจำคุกแก่ผมคงเหลือเวลา 1 ปี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ต่อทั้งตัวผม และครอบครัว ผมขอน้อมรับและพร้อมเข้าสู่กระบวนการตามคำพิพากษาในวันนี้ ตลอดระยะเวลาของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2544-2549 ผมพยายามผลักดันทุกนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทย ให้พรรคการเมืองแข่งขันกันด้วยนโยบาย สร้างประชาธิปไตยที่กินได้จากผลงานของรัฐบาลที่ทำได้จริง ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุดในฐานะนักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชน แม้ว่าทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังการรัฐประหารรัฐบาลของผมเมื่อปี 2549 แต่วันนี้ผมขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตัวผม ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุนตลอดมา ขอบคุณนักการเมือง สมาชิกพรรคเพื่อไทย และเพื่อนมิตรทั้งหลายที่เคียงข้างกันทั้งในยามสุขและยามยาก ผมตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ด้วยอุดมการณ์และจิตวิญญาณที่เรามีร่วมกันมา จนกว่าจะถึงวันที่เราได้เดินร่วมทางกันอีกครั้ง จากวันนี้แม้ผมจะไร้อิสรภาพ แต่ยังมีเสรีภาพทางความคิดเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ผมจะรักษาความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อใช้เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ รับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ แผ่นดินไทย และประชาชนคนไทย […]

ศาลฎีกาฯ สั่ง “ทักษิณ” รับโทษ 1 ปี ชี้กระบวนการชั้น 14 มิชอบ

ศาลฎีกา 9 ก.ย.- ศาลฎีกานักการเมือง สั่ง “ทักษิณ” รับโทษ 1 ปี ชี้กระบวนการส่งรักษาตัวชั้น 14 มิชอบด้วย กม. – ไม่ได้ป่วยวิกฤติฉุกเฉิน-เพียงกล่าวอ้าง และเป็นโรคเรื้อรัง รักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ เจ้าตัวได้รับประโยชน์ไม่ต้องเข้าเรือนจำ เวลา 10.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ บค 1/2568 กรณีศาลมีคำสั่งให้ไต่สวนว่า การบังคับโทษพันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในคดีหมายเลขแดงที่ อม 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม 5/2551 และคดีหมายเลขแดงที่ อม 10/2552 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือไม่ โดยให้โจทก์ จำเลย ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ยื่นคำชี้แจงข้อเท็จจริง โจทก์ จำเลย ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทยใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ยืนคำชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลพร้อมเอกสารประกอบ ศาลไต่สวนพยานรวม 31 ปาก […]