บช.ก. 9 ก.ย. – “ถั่วแระ เชิญยิ้ม” นำหลักฐานแสดงต่อตำรวจพร้อมชี้แจงที่มาเงินจากทิดอลงกต ยอมรับช่วงโควิดยืมเงินจริงแต่คืนหมดแล้ว ด้าน “บิ๊กเต่า” ขอบคุณที่นำหลักฐานมาแสดง เบื้องต้นทำทุกอย่างเป็นขั้นตอน เตือนผู้ที่ยังนั่งทับสิทธิ์รีบเข้ามาชี้แจง
ภายหลัง ถั่วแระ เชิญยิ้ม เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อพูดคุยพร้อมทั้งแสดงหลักฐานเป็นรายรับรายจ่ายของสมาคมเชียร์ไทยตั้งแต่ปี 62 -66 รวมถึงค่าใช้จ่ายทุกอย่าง อย่างละเอียด โดยใช้เวลาการพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนถั่วแระ เชิญยิ้ม ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ทิดอลงกตแต่งตั้งให้ตนเป็นนายกสมาคมเชียร์ไทยตั้งแต่ปี 62 โดยสมาคมดังกล่าวเป็นดำริของทิดอลงกต ซึ่งในการไปเชียร์แต่ละครั้งต้องยอมรับว่ามีการเดินทางจึงมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยเวลารับเงินก็รับมาเป็นลายลักษณ์อักษรทุกขั้นตอน แต่ก็อยู่ที่สถานที่เชียร์ด้วย ว่าอยู่ในหรือต่างประเทศ มากสุดรับเงินมาหลักแสน โดยทุกครั้งการรับเงิน รับเงินสดมาจากเลขาฯ ของทิดอลงกตเข้าสู่บัญชีตนเอง จนกระทั่งปี 64 ตนได้เริ่มถอยออกมาจากสมาคมดังกล่าว เพราะการเดินทางค่อนข้างไกล
นอกจากนี้ยังรับเงินมาในส่วนการสร้างหนังพลังบุญที่มีด้วยกันทั้งหมด 3 ตอน ๆ ละ 300,000 บาท ซึ่งก็เป็นดำริของทิดอลงกต โดยมีเงื่อนไขว่าต้องออกอากาศทุกตอนผ่านช่องทีวีช่องหนึ่ง โดยในหนัง ไม่ได้มีการเปิดรับบริจาคแต่อย่างใด และไม่มีผู้สนับสนุน ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดมีเอกสารยืนยันทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีชื่อในที่ดินของวัดพระบาทน้ำพุแต่อย่างใด หากอยากตรวจสอบก็ไปดูกันที่กรมที่ดินว่ามีชื่อตนอยู่ในโฉนดหรือไม่
ถั่วแระ เชิญยิ้ม ยอมรับว่า ในช่วงโควิดประมาณปี 63 สภาพการเงินขัดข้อง จึงได้ยืมเงินทิดอลงกตจำนวน 200,000 บาท แต่ก็คืนไปหมดแล้ว มีเอกสารทางการเงินมายืนยันในส่วนนี้เช่นกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ หากตัวเองมีชื่อในหมายจับลอต 2 ถั่วแระ เชิญยิ้ม ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมด้วยน้ำตาคลอ ว่า “ผมอยากจะเรียนไปถึงสื่อ ไม่ว่าจะเป็นนักเลงคีย์บอร์ด หรือนักเลงโซเชียล ให้คุณคิดวิเคราะห์ว่าใครเขาทำอะไรที่ไหนอย่างไรก่อนค่อยลงสื่อ ถ้าผมเป็นผู้บริสุทธิ์ใครจะลงข่าวให้ผม ครอบครัวและธุรกิจผมเสียหายใครจะรับผิดชอบ ผมอยากรู้ ผมเสียหายทั้งหมด ครอบครัวผมต้องเป็นยังไง นอนไม่ได้กินไม่หลับ ผมรู้ว่าอาชีพสื่อ คิดวิเคราะห์แยกแยะให้ผมไหม”
เมื่อถามว่าครอบครัวเครียดหรือไม่ และถูกยกเลิกงานไปเยอะหรือไม่ ถั่วแระ เชิญยิ้ม ถามกลับว่า “ถ้าเป็นครอบครัวพี่ล่ะ ตอนนี้ถูกยกเลิกงานหมดทุกอย่าง ผมทำงานให้ประเทศชาติไปดูได้ ผมแจกธงเกือบหมื่นผืน ให้พี่น้องทุกคนที่รักชาติ เพื่อให้กำลังใจกับประเทศชาติ ข้อดีของผมเอามาตีแผ่บ้าง“
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ในวันนี้ต้องขอบคุณนายถั่วแระ ที่เข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งทางตำรวจก็อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เข้ามาชี้แจงเช่นเดียวกัน และจากการที่ดูหลักฐานของนายถั่วแระ ในเบื้องต้นนายถั่วแระ ทำทุกอย่างเป็นขั้นตอน มีบัญชีเรื่องรายรับรายจ่ายโดยเอกสารเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นหลักฐานในเบื้องต้น พร้อมบอกว่าสิ่งที่นายถั่วแระ เป็นการงานจ้างแบบเหมางานจริง สามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปชี้แจงกับพนักงานสอบสวนได้ โดยลักษณะเหมือนกับนักร้องที่เข้าพบพนักงานสอบสวนเมื่อวานนี้ โดยทุกอย่างที่นายถั่วแระ นำมาให้พนักงานสอบสวนก็จะถือว่าเป็นหลักฐานให้กับตัวเขาเอง
ส่วนคนอื่นที่ยังไม่เข้ามาชี้แจงกับพนักงานสอบสวน มองว่าน่ากลัว เพราะขณะนี้ทางกองปราบฯ กำลังดำเนินการเรื่องนี้อย่างละเอียดใน 24 ประเด็น ซึ่งปัจจุบันมีคนนำทรัพย์สินของทางวัดมาคืนแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังมีคนนั่งทับสิทธิ์ และทรัพย์สินของวัดอยู่ จึงขอเตือนให้รีบเข้ามาชี้แจง เพราะถ้าไม่รีบเข้ามาก็อาจจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการชี้แจงเหมือนคนอื่น พร้อมบอกว่าเรามีความหวังดีต่อวัดและพระพุทธศาสนา สำหรับบางคนถ้าหากเรามีหลักฐาน ยืนยันว่าเป็นนอมินีก็อย่าไปรองรับวัดโดยที่คุณจะเดือดร้อน
เมื่อถามว่าเอกสารที่นายถั่วแระ นำมามอบให้สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ได้มากน้อยแค่ไหน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ในเบื้องต้นยังไม่สามารถตอบได้แต่ก็เป็นข้อดีที่นายถั่วแระ เก็บหลักฐานเอาไว้ เพราะแสดงถึงเจตนาที่บริสุทธิ์ ไม่ทุจริต และฉ้อโกง หลังจากนี้จะนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดมอบให้กับพนักงานสอบสวนเข้าสำนวน โดยนายถั่วแระ พร้อมเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งถ้าหากสอบปากคำแล้วพบว่านายถั่วแระ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องจะกันนายถั่วแระ ไว้เป็นพยาน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีตลกชื่อดังถือครองโฉนดที่ดินของวัดพระบาทน้ำพุไว้นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ไม่ใช่นายถั่วแระ นักแสดงตลกในเมืองไทยมีหลายคน ซึ่งบางคนก็ยังไม่มาพบพนักงานสอบสวน และมีตลกบางคนนั้นให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาด้วย ซึ่งตลกคนนี้น่าจะมีคดีเพิ่มอีก ส่วนจะติดคุกหรือไม่ต้องรอติดตาม 1-2 เดือน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ดาราตลกคนนี้ค่อนข้างเส้นใหญ่ กลัวหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า “ไม่เป็นไร ใหญ่ก็ใหญ่ เราเป็นผู้รักษากฎหมายก็ดำเนินการตามกฎหมาย” ยืนยันเรื่องนี้ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน
ส่วนนักธุรกิจร้อยล้านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ประเด็นนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่พนักงานสอบสวนแยกคดีไปทำ มีทั้งเรื่องธุรกิจร้อยล้าน และเรื่องเฮลิคอปเตอร์ เมื่อถามว่าจะมีการเรียกดาราตลก หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง เข้ามาพบพนักงานสอบสวนอีกกี่คน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ต้องรอดู เพราะจะมีหมายเรียก และ 10 วันหลังจากนี้จะมีการประชุมในเรื่องนี้ โดยตัวเองจะเป็นคนออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนด้วยตัวเอง. -419-สำนักข่าวไทย