ศบค.ชี้ถ้าคุมสถานการณ์ไม่ดี พ.ค.-ก.ค.อาจป่วยพุ่ง 500-2,000 ต่อวัน

ทำเนียบรัฐบาล 27 เม.ย.-โฆษกศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 9 ราย ขยายใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือน เตรียมเสนอครม.พิจารณาผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ถ้าผ่อนต้องเป็นกิจการเดียวกันทั้งประเทศ หวั่นคนหนีไปทำพื้นที่ที่คลายให้ ชี้ถ้าคุมไม่ดี พ.ค.-ก.ค. อาจป่วยพุ่ง 500-2,000 รายต่อวัน


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ (27 เม.ย.) ว่า ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 9 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,931 ราย รักษาหาย 2,609 ราย รักษาตัวอยู่ 270 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวม 52 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นหญิงไทย อายุ 64 ปี อาชีพแม่บ้าน มีโรคประจำตัวคือ โรคโลหิตจาง มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้คือคนในครอบครัว ซึ่งมีผู้ป่วย 5 คน เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 2 เมษายนด้วยอาการไข้ ไอ หอบ เหนื่อย และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดภูเก็ต และเมื่อ 8 เมษายนได้ส่งผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 วันที่ 10 เมษายน อาการแย่ลง เหนื่อยมากขึ้น ย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัด พบปอดอักเสบรุนแรง ต่อมาเหนื่อยมากขึ้น การทำงานของไตลดลง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 เมษายน ด้วยระบบหายใจล้มเหลวและไตวายเฉียบพลัน

“จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่  9 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 3 ราย (ที่จังหวัดภูเก็ต สุพรรณบุรี และยะลา ) และการค้นหาเชิงรุกที่จังหวัดยะลา 4 ราย และผู้ป่วยกลับจากต่างประเทศ คือสหรัฐฯ และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 2 ราย ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,931 ราย พบใน 5 จังหวัดสูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,481 ราย มีอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 9 ราย ภูเก็ต 206 ราย นนทบุรี 156 ราย ยะลา 113 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย สมุทรปราการ 111 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 49.83 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 26.11 ยะลา ร้อยละ 21.15 ปัตตานี ร้อยละ 10.95 และนนทบุรี ร้อยละ 12.42 ทั้งนี้ มี 9 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง และมี 1 จังหวัดที่พบผู้ป่วยในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้คือ สตูล ส่วนผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 449 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน  59 ราย” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 2,994,796 ราย เสียชีวิต 206,995 ราย สหรัฐอเมริกา ติดเชื้อมากที่สุด 987,160 ราย เสียชีวิต 55,413 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 58 ของโลก 

“วันนี้(27 เม.ย.) จะมีเที่ยวบินรับคนไทยที่ตกค้างจากประเทศญี่ปุ่นกลับไทย 35 คน เนเธอร์แลนด์ 25 คนและนิวซีแลนด์ 168 คนส่วนพรุ่งนี้(28 เม.ย.) จากสเปน 12 คนและอินเดีย 200 คน ขณะที่กระทรวงมหาดไทยดูแลจุดผ่านแดนทั่วประเทศ มีคนไทยเดินทางเข้ามาวานนี้(26 เม.ย.) ด้วยการลงทะเบียน 293 คน และไม่ลงทะเบียน 107 คน และ ตั้งแต่วันที่18-25 เมษายนมีผู้เดินทางเข้ามาด้วยการลงทะเบียน 2,838 คน ไม่ลงทะเบียน 936 คน  สรุปยอดรวมทั้งสิ้น 4,174 คน ส่วนจำนวนห้องพักของสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้มีจำนวน 5,468 ห้องมีผู้เข้าพัก 2,132 ห้องคงเหลือ 3,336 ห้อง” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำงานตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาว่าทำได้ดี ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ และอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงานเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 โดยยึดหลักของกระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลก 


“นายกรัฐมนตรีมีข้อกังวลและห่วงใยด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบ โดยมอบนโยบายให้กำหนดระยะเวลาการผ่อนปรน ที่อาจแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ 25% 50% 75 % และ 100%  ซึ่งจะต้องดูเป็นระยะ ๆ โดยแต่ละระยะต้องใช้เวลาทบทวน 14 วันภายหลังจากให้มาตรการไปแล้ว และให้ประเมินมาตรการต่าง ๆ ซึ่งหากมาตรการต่าง ๆ ได้ประกาศใช้และได้ผล จึงยืดระยะเวลาออกไป แต่ถ้าเกิดปัญหาหรือเกิดการติดเชื้อขึ้น ก็ต้องทบทวน เพราะเมื่อประกาศใช้ได้ก็สามารถระงับได้ เพราะไม่ต้องการให้เกิดการระบาดระลอก 2 เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย และสิ่งที่ลงทุนไปจะล้มเหลวทั้งหมด” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานการคาดการณ์สถานการณ์ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม 3 กรณีคือ หากสามารถควบคุมได้ดี ด้วยการคงมาตรการห้ามเดินทางเข้าประเทศ จำกัดการเคลื่อนย้ายภายในประเทศและคงมาตรการปิดสถานที่ต่าง ๆ จะเกิดผู้ป่วยรายใหม่ 15-30 รายต่อวัน รวม 3 เดือน 1,889 รายแต่ถ้าสถานการณ์ควบคุมได้ มีความเสี่ยงต่ำ การระบาดอยู่ในวงจำกัด และระบบสาธารณสุขรองรับได้ โดยยังคงมาตรการเมื่อเข้าประเทศแล้วต้องเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ แต่เปิดให้ภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำดำเนินกิจการได้ อาจจะเกิดผู้ป่วยใหม่ 40-70 รายต่อวันรวม 3 เดือน 4,661 ราย 

“สุดท้ายหากสถานการณ์ควบคุมได้ยาก มีการระบาดซ้ำ คล้ายช่วงเหตุการณ์ระบาดจากสนามมวยและสถานบันเทิง ด้วยการเปิดการเคลื่อนย้ายประชากรจำนวนมากทั้งในและระหว่างประเทศ โดยไม่กักกัน ติดตาม อาจพบผู้ป่วยใหม่ 500- 2,000 รายต่อวัน รวม 3 เดือน จะมีผู้ป่วยใหม่สูงถึง 46,596 ราย ทำให้ระบบสาธารณสุขอาจไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วย ขณะที่วันนี้มีจำนวนตัวอย่างที่ได้รับการตรวจโควิด-19 แล้ว รวม 178,083 ตัวอย่าง จาก 112 ห้องปฏิบัติการ” โฆษกศบค. กล่าว 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) รายงานผลสัมฤทธิ์การประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า ทำให้การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ มีเอกภาพและทันท่วงที เป็นผลให้ผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง และได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนกว่า 40,000  คนพบว่ากว่าร้อยละ 70 เห็นด้วยกับการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล จึงมีมติในที่ประชุมว่าเห็นควรให้ขยายการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรต่อไปอีกหนึ่งเดือนตั้งแต่ 1-31 พฤษภาคม 2563

“มาตรการที่ยังคงไว้ 4 มาตรการ คือควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ โดยขยายการห้ามอากาศยานบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 1 เดือน เพราะที่ผ่านมาสามารถควบคุมกันได้ดี ทำให้การแพร่กระจายเชื้อลดลง การห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานหรือเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. การงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด และงดการดำเนินกิจกรรมในคนหมู่มาก” โฆษกศบค. กล่าว

ส่วนแนวทางการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ต้องทำโดยยึดแนวคิดคือคำนึงถึงปัจจัยทางด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และนำปัจจัยอื่น ๆ มาพิจารณาคงร้อยละ 50 ของการทำงานที่บ้าน และวิธีการดำเนินการคือต้องพิจารณาจากกิจกรรมที่จำเป็นในการดำรงชีวิตก่อน และทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา กิจกรรมต่าง ๆต้องเว้นระยะห่างทางสังคม การวัดอุณหภูมิในสถานที่ประกอบการต่าง ๆ มีเจลและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ จำกัดจำนวนคน มีแอพลิเคชั่นติดตามตัว อย่างไรก็ตาม ต้องประเมินผลทุก 14 วัน หากควบคุมได้ดีขึ้น สามารถผ่อนคลายมาตรการและขยายพื้นที่ได้เพิ่ม แต่หากไม่ดีขึ้น ให้ระงับการผ่อนคลายมาตรการทันที

โฆษกศบค. กล่าวว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจเอกชนในศบค.เสนอแนวทางการผ่อนปรน ภายหลังการประกาศขยายเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ  โดยเสนอแบ่งประเภทธุรกิจจากกลุ่มต่าง ๆ เช่น สถานประกอบการที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน สามารถเปิดให้ดำเนินการได้ เช่น สถานประกอบการขนาดเล็กอยู่ในที่โล่งแจ้ง หรือสวนสาธารณะ สถานที่ประกอบการขนาดเล็ก อาจจะติดแอร์ แต่มีมาตรการควบคุมหรือเป็นสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง พื้นที่ที่เป็นสถานที่ที่มีคนมารวมตัวกันจำนวนมาก เช่น สนามมวย สถานบันเทิง ซึ่งรายละเอียดข้อเสนอทั้งหมดจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

“ตรงนี้มีการแบ่งเป็นขั้น ๆ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมด ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ แต่ต้องลงในรายละเอียด โดยกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ แบ่งเป็นกลุ่มและช่วงเวลา แต่นายกรัฐมนตรีอยากให้เลือกกิจการมา แล้วเปิดให้ได้ทั้งหมดทั้งประเทศ ไม่ใช่เปิดเฉพาะบางที่หรือบางจังหวัด สมมติว่ากรุงเทพฯ เปิดไม่ได้เพราะตัวเลขสูง แต่ไปเปิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี คนกรุงเทพฯ อาจจะขับรถไปหากิจการนั้น ๆ ที่จังหวัดสุพรรณบุรีก็ได้ ซึ่งอันนี้ก็ไม่ได้จัดการการเคลื่อนย้ายคน ซึ่งถ้าหากจะใช้ก็ต้องใช้กันทั้งหมด ทั้งประเทศ เพื่อที่จะประเมิน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

มือปืนเรียกชื่อก่อนรัวยิง “เสี่ยเปี๊ยก” ดับต่อหน้าภรรยา

กาญจนบุรี 26 มิ.ย. – สุดโหด! 2 คนร้ายเรียกชื่อก่อนรัวยิงไม่นับ สังหาร “เสี่ยเปี๊ยก” นักธุรกิจและผู้กว้างขวางเมืองกาญจนบุรี เสียชีวิตต่อหน้าภรรยา ตำรวจพุ่ง 3 ปม “ชู้สาว-ขัดแย้งส่วนตัว-ธุรกิจ” ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีสังหารนายสิทธิกร หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 51 ปี ในขณะที่เสี่ยเปี๊ยกเดินมากับภรรยา กำลังจะขึ้นรถกระบะสีดำ จังหวะที่เสี่ยเปี๊ยกจะเปิดประตูฝั่งคนขับ คนร้าย 2 คน ลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้กัน คนแรกเรียกชื่อ “เสี่ยเปี๊ยก” พร้อมกับเดินตรงเข้าไปใช้ปืนจ่อยิงศีรษะเสี่ยเปี๊ยกหลายนัดจนล้มลง ก่อนคนร้ายอีกคนเดินตามกระหน่ำยิงซ้ำอีกหลายนัด จากนั้นพากันขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภรรยาของเสี่ยเปี๊ยกเดินอ้อมมาเห็นศพสามีก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตะโกนขอความช่วยเหลือ บริเวณลานจอดรถหน้าร้านวัสดุก่อสร้างชื่อดังริมถนนบายพาส (เลี่ยงเมือง) จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วานนี้ (25 มิ.ย.) ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบสภาพศพเสี่ยเปี๊ยก พบร่องรอยกระสุนเจาะเข้าตามศีรษะ ใบหน้า ต้นคอ ลำตัว และแขน รวม […]

ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา

พังงา 26 มิ.ย.- ตำรวจพังงา พร้อมเจ้าหน้าที่ EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา ตำรวจพังงา พร้อมด้วยตำรวจชุด EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ซุกอยู่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและปิดกั้นพื้นที่ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในจุดดังกล่าว โดยการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ตำรวจพังงาจับกุม 2 คนร้ายชาวปัตตานี พร้อมกับรถยนต์ที่ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ภายในรถ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ข้อมูลเบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนระบุว่า ตำรวจแกะรอยจากการไล่กล้องวงจรปิด พบคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุที่กระบี่ มาก่อเหตุที่พังงา.-สำนักข่าวไทย

ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ จัดทัพเริ่มนิ่ง

อสมท 26 มิ.ย. – ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ “ภูมิธรรม” นั่งรองนายกฯ ควบ มท.1 ด้าน กล้าธรรม “นฤมล” คุมนั่ง รมว.ศึกษาฯ ขณะที่ “สุชาติ ตันเจริญ” ชื่อติดนั่ง รมว.แรงงาน ความเคลื่อนไหวในการปรับคณะรัฐมนตรี แพทองธาร ½ สำหรับโผการจัด ครม. ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย 2 ตำแหน่ง คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร นายชูศักดิ์ ศิรินิล […]

นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอบคุณที่เสียสละ ขออดทนอดกลั้น

สระแก้ว 26 มิ.ย.- นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอให้อดทนอดกลั้น ขอบคุณที่เสียสละ พร้อมพบปะนักเรียนแนวชายแดน มอบอุปกรณ์การเรียน-กีฬา ก่อนไปตรวจหลุมหลบภัย เวลา 13.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารพราน 1202 บ้านป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยไปดูบังเกอร์ของหน่วยดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกัน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าต้องมาประจำที่ห่างไกลจากครอบครัว ต้องขอขอบคุณที่เสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทหารคือรั้วของชาติ การมาประจำการอยู่ใกล้ชิดชายแดนขนาดนี้ ต้องอดทน อดกลั้น เพราะมีสิ่งยั่วยุอยู่มากมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อดทนอดกลั้นเพื่อให้การทำงานราบรื่น พร้อมย้ำว่าอะไรที่ต้องการ รัฐบาลสนับสนุน ขอให้บอกมาเลย ยืนยันไม่ลืมเรื่องการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และสวัสดิการ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมาที่โรงเรียนตระเวนชายแดนประชารัฐบำรุง 1 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายนักเรียนในห้องเรียนต่างๆ โดยนักเรียนแต่ละห้องได้โชว์กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนที่แตกต่างกันไปให้นายกรัฐมนตรีชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอบอุปกรณ์การเรียน นม ขนม […]