ศบค.ชี้ถ้าคุมสถานการณ์ไม่ดี พ.ค.-ก.ค.อาจป่วยพุ่ง 500-2,000 ต่อวัน

ทำเนียบรัฐบาล 27 เม.ย.-โฆษกศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 9 ราย ขยายใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือน เตรียมเสนอครม.พิจารณาผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ถ้าผ่อนต้องเป็นกิจการเดียวกันทั้งประเทศ หวั่นคนหนีไปทำพื้นที่ที่คลายให้ ชี้ถ้าคุมไม่ดี พ.ค.-ก.ค. อาจป่วยพุ่ง 500-2,000 รายต่อวัน


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ (27 เม.ย.) ว่า ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 9 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,931 ราย รักษาหาย 2,609 ราย รักษาตัวอยู่ 270 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวม 52 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นหญิงไทย อายุ 64 ปี อาชีพแม่บ้าน มีโรคประจำตัวคือ โรคโลหิตจาง มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้คือคนในครอบครัว ซึ่งมีผู้ป่วย 5 คน เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 2 เมษายนด้วยอาการไข้ ไอ หอบ เหนื่อย และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดภูเก็ต และเมื่อ 8 เมษายนได้ส่งผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 วันที่ 10 เมษายน อาการแย่ลง เหนื่อยมากขึ้น ย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัด พบปอดอักเสบรุนแรง ต่อมาเหนื่อยมากขึ้น การทำงานของไตลดลง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 เมษายน ด้วยระบบหายใจล้มเหลวและไตวายเฉียบพลัน

“จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่  9 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 3 ราย (ที่จังหวัดภูเก็ต สุพรรณบุรี และยะลา ) และการค้นหาเชิงรุกที่จังหวัดยะลา 4 ราย และผู้ป่วยกลับจากต่างประเทศ คือสหรัฐฯ และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 2 ราย ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,931 ราย พบใน 5 จังหวัดสูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,481 ราย มีอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 9 ราย ภูเก็ต 206 ราย นนทบุรี 156 ราย ยะลา 113 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย สมุทรปราการ 111 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 49.83 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 26.11 ยะลา ร้อยละ 21.15 ปัตตานี ร้อยละ 10.95 และนนทบุรี ร้อยละ 12.42 ทั้งนี้ มี 9 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง และมี 1 จังหวัดที่พบผู้ป่วยในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้คือ สตูล ส่วนผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 449 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน  59 ราย” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 2,994,796 ราย เสียชีวิต 206,995 ราย สหรัฐอเมริกา ติดเชื้อมากที่สุด 987,160 ราย เสียชีวิต 55,413 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 58 ของโลก 

“วันนี้(27 เม.ย.) จะมีเที่ยวบินรับคนไทยที่ตกค้างจากประเทศญี่ปุ่นกลับไทย 35 คน เนเธอร์แลนด์ 25 คนและนิวซีแลนด์ 168 คนส่วนพรุ่งนี้(28 เม.ย.) จากสเปน 12 คนและอินเดีย 200 คน ขณะที่กระทรวงมหาดไทยดูแลจุดผ่านแดนทั่วประเทศ มีคนไทยเดินทางเข้ามาวานนี้(26 เม.ย.) ด้วยการลงทะเบียน 293 คน และไม่ลงทะเบียน 107 คน และ ตั้งแต่วันที่18-25 เมษายนมีผู้เดินทางเข้ามาด้วยการลงทะเบียน 2,838 คน ไม่ลงทะเบียน 936 คน  สรุปยอดรวมทั้งสิ้น 4,174 คน ส่วนจำนวนห้องพักของสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้มีจำนวน 5,468 ห้องมีผู้เข้าพัก 2,132 ห้องคงเหลือ 3,336 ห้อง” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำงานตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาว่าทำได้ดี ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ และอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงานเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 โดยยึดหลักของกระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลก 


“นายกรัฐมนตรีมีข้อกังวลและห่วงใยด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบ โดยมอบนโยบายให้กำหนดระยะเวลาการผ่อนปรน ที่อาจแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ 25% 50% 75 % และ 100%  ซึ่งจะต้องดูเป็นระยะ ๆ โดยแต่ละระยะต้องใช้เวลาทบทวน 14 วันภายหลังจากให้มาตรการไปแล้ว และให้ประเมินมาตรการต่าง ๆ ซึ่งหากมาตรการต่าง ๆ ได้ประกาศใช้และได้ผล จึงยืดระยะเวลาออกไป แต่ถ้าเกิดปัญหาหรือเกิดการติดเชื้อขึ้น ก็ต้องทบทวน เพราะเมื่อประกาศใช้ได้ก็สามารถระงับได้ เพราะไม่ต้องการให้เกิดการระบาดระลอก 2 เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย และสิ่งที่ลงทุนไปจะล้มเหลวทั้งหมด” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานการคาดการณ์สถานการณ์ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม 3 กรณีคือ หากสามารถควบคุมได้ดี ด้วยการคงมาตรการห้ามเดินทางเข้าประเทศ จำกัดการเคลื่อนย้ายภายในประเทศและคงมาตรการปิดสถานที่ต่าง ๆ จะเกิดผู้ป่วยรายใหม่ 15-30 รายต่อวัน รวม 3 เดือน 1,889 รายแต่ถ้าสถานการณ์ควบคุมได้ มีความเสี่ยงต่ำ การระบาดอยู่ในวงจำกัด และระบบสาธารณสุขรองรับได้ โดยยังคงมาตรการเมื่อเข้าประเทศแล้วต้องเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ แต่เปิดให้ภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำดำเนินกิจการได้ อาจจะเกิดผู้ป่วยใหม่ 40-70 รายต่อวันรวม 3 เดือน 4,661 ราย 

“สุดท้ายหากสถานการณ์ควบคุมได้ยาก มีการระบาดซ้ำ คล้ายช่วงเหตุการณ์ระบาดจากสนามมวยและสถานบันเทิง ด้วยการเปิดการเคลื่อนย้ายประชากรจำนวนมากทั้งในและระหว่างประเทศ โดยไม่กักกัน ติดตาม อาจพบผู้ป่วยใหม่ 500- 2,000 รายต่อวัน รวม 3 เดือน จะมีผู้ป่วยใหม่สูงถึง 46,596 ราย ทำให้ระบบสาธารณสุขอาจไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วย ขณะที่วันนี้มีจำนวนตัวอย่างที่ได้รับการตรวจโควิด-19 แล้ว รวม 178,083 ตัวอย่าง จาก 112 ห้องปฏิบัติการ” โฆษกศบค. กล่าว 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) รายงานผลสัมฤทธิ์การประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า ทำให้การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ มีเอกภาพและทันท่วงที เป็นผลให้ผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง และได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนกว่า 40,000  คนพบว่ากว่าร้อยละ 70 เห็นด้วยกับการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล จึงมีมติในที่ประชุมว่าเห็นควรให้ขยายการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรต่อไปอีกหนึ่งเดือนตั้งแต่ 1-31 พฤษภาคม 2563

“มาตรการที่ยังคงไว้ 4 มาตรการ คือควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ โดยขยายการห้ามอากาศยานบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 1 เดือน เพราะที่ผ่านมาสามารถควบคุมกันได้ดี ทำให้การแพร่กระจายเชื้อลดลง การห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานหรือเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. การงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด และงดการดำเนินกิจกรรมในคนหมู่มาก” โฆษกศบค. กล่าว

ส่วนแนวทางการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ต้องทำโดยยึดแนวคิดคือคำนึงถึงปัจจัยทางด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และนำปัจจัยอื่น ๆ มาพิจารณาคงร้อยละ 50 ของการทำงานที่บ้าน และวิธีการดำเนินการคือต้องพิจารณาจากกิจกรรมที่จำเป็นในการดำรงชีวิตก่อน และทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา กิจกรรมต่าง ๆต้องเว้นระยะห่างทางสังคม การวัดอุณหภูมิในสถานที่ประกอบการต่าง ๆ มีเจลและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ จำกัดจำนวนคน มีแอพลิเคชั่นติดตามตัว อย่างไรก็ตาม ต้องประเมินผลทุก 14 วัน หากควบคุมได้ดีขึ้น สามารถผ่อนคลายมาตรการและขยายพื้นที่ได้เพิ่ม แต่หากไม่ดีขึ้น ให้ระงับการผ่อนคลายมาตรการทันที

โฆษกศบค. กล่าวว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจเอกชนในศบค.เสนอแนวทางการผ่อนปรน ภายหลังการประกาศขยายเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ  โดยเสนอแบ่งประเภทธุรกิจจากกลุ่มต่าง ๆ เช่น สถานประกอบการที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน สามารถเปิดให้ดำเนินการได้ เช่น สถานประกอบการขนาดเล็กอยู่ในที่โล่งแจ้ง หรือสวนสาธารณะ สถานที่ประกอบการขนาดเล็ก อาจจะติดแอร์ แต่มีมาตรการควบคุมหรือเป็นสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง พื้นที่ที่เป็นสถานที่ที่มีคนมารวมตัวกันจำนวนมาก เช่น สนามมวย สถานบันเทิง ซึ่งรายละเอียดข้อเสนอทั้งหมดจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

“ตรงนี้มีการแบ่งเป็นขั้น ๆ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมด ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ แต่ต้องลงในรายละเอียด โดยกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ แบ่งเป็นกลุ่มและช่วงเวลา แต่นายกรัฐมนตรีอยากให้เลือกกิจการมา แล้วเปิดให้ได้ทั้งหมดทั้งประเทศ ไม่ใช่เปิดเฉพาะบางที่หรือบางจังหวัด สมมติว่ากรุงเทพฯ เปิดไม่ได้เพราะตัวเลขสูง แต่ไปเปิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี คนกรุงเทพฯ อาจจะขับรถไปหากิจการนั้น ๆ ที่จังหวัดสุพรรณบุรีก็ได้ ซึ่งอันนี้ก็ไม่ได้จัดการการเคลื่อนย้ายคน ซึ่งถ้าหากจะใช้ก็ต้องใช้กันทั้งหมด ทั้งประเทศ เพื่อที่จะประเมิน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“อนุทิน” โชว์ตัวว่าที่ รมต.ทีมเศรษฐกิจ ล้อมวงกินเค้กส้ม

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “อนุทิน” โชว์ตัว ว่าที่ 3 รมต.ทีมเศรษฐกิจป้ายแดง ล้อมวงกินเค้กส้ม “เอกนิติ” นั่งขุนคลัง เตรียมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ปล่อยฟื้นคนละครึ่งกระแสเต็มฟีด ขณะ “สีหศักดิ์” เตรียมนั่ง รมว.กต. มั่นใจชื่อนี้นานาชาติยอมรับ รับเผือกร้อนแก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะ “อรรถพล” อดีต CEO ปตท. นั่ง รมว.พลังงาน ทำงานได้เลยไม่ต้องรำมวย ยอมรับเก้าอี้กลาโหม ต้องมีความรู้ในวิชาชีพ ปัดตอบชิงดำ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีต ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดื่มกาแฟร่วมกันที่ร้านจานิสตาร์ ชั้น 1 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ภายหลังหารือร่วมกันที่บริเวณชั้นบน ทั้งนี้ คาดว่านายสีหศักดิ์ ถูกทาบทาม […]

“ธรรมนัส” ปัดแย่งเก้าอี้กลาโหม “บิ๊กป้อม” ไม่กังวลปมคุณสมบัติ

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “ธรรมนัส” ปัดแย่งเก้าอี้กลาโหม “บิ๊กป้อม” อุบตอบ “กล้าธรรม” ได้กระทรวงอะไรเพิ่ม ไม่กังวลปมคุณสมบัติ เหตุตัวเองเป็น “รมต.” มา 2 รอบแล้ว แย้ม เลขาฯ พรรค ต้องได้เก้าอี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เดินทางมายังที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อพบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเป็นการส่วนตัว จากนั้นเวลา 16.50 น. นายอนุทิน และ ร.อ.ธรรมนัส เดินลงจากที่ทำการพรรคมายังร้านกาแฟจาริสต้าร์ ซึ่งมี น.ส.ธนพร ศรีวิราช ภรรยาของ ร.อ.ธรรมนัส รออยู่ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส สั่งเครื่องดื่มอเมริกาโน่ร้อน ไม่หวาน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า มาซื้อกาแฟวันนี้ หมายความว่าได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนมารับภรรยา เมื่อถามว่า พรรคกล้าธรรมมีการพูดคุยตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวแล้วหรือไม่ […]

พายุไต้ฝุ่น ‘เผ่ย์ผ่า’ ถล่มชิซูโอกะในญี่ปุ่น

โตเกียว 6 พ.ย. – พายุไต้ฝุ่น “เผ่ย์ผ่า” (Peipah) ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักในจังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันศุกร์ โดยมีรายงานว่าลมกระโชกแรงจากพายุลูกนี้ทำลายอาคารไปอย่างน้อย 220 หลัง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 23 คน เอ็นเอชเค สื่อสาธารณะของญี่ปุ่นรายงานว่า ตรวจพบกระแสลมแรงใน เขตเทศบาล 4 แห่งของจังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งรวมถึงเมืองโยชิดะและเมืองมากิโนะฮาระ เจ้าหน้าที่เมืองมากิโนะฮาระระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 20 ราย ณ เวลา 21:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย นอกจากนี้ เอ็นเอชเค ยังรายงานด้วยว่า มีอาคารอย่างน้อย 43 หลังในเมืองมากิโนะฮาระถูกทำลายทั้งหมดหรือเสียหายครึ่งหนึ่งและอีก 184 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน พายุ “เผ่ย์ผ่า” ได้ลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเวลาประมาณ 21:00 น. ของวันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น […]

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ใน กทม.และปริมณฑล-ตะวันออก

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ใน กทม.-ปริมณฑล และภาคตะวันออก บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขัง น้ำรอการระบาย กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขัง น้ำรอการระบาย โดยเฉพาะบริเวณชุมชนเมือง เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า […]

มทภ.2 วอนอย่าหลงเชื่อข่าวปั่นกระแสพูดโยงการเมือง

7 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 วอนอย่าหลงเชื่อ ข่าวปั่นกระแสพูดโยงการเมือง ยันทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ชาติ พระมหากษัตริย์ และประชาชน เท่านั้น เมื่อวันที่ 7 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีสื่อโซเชียล นำภาพของตนมาประกอบกับข้อความเรื่องโยงการเมืองว่า ขอพี่น้องประชาชนโปรดอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เป็นการสร้างกระแส ยุยง ปลุกปั่น ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ตนพูดชัดอยู่แล้วว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ตนเป็นทหาร ไม่ยุ่งเรื่องการเมืองอยู่แล้ว การเมืองก็ให้เขาว่ากันไป เรามีหน้าที่ดูแลอธิปไตยของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน นี่คือหน้าที่ของทหาร “ถึงผมจะเกษียณอีกไม่กี่วัน แต่ผมก็คือทหาร จะไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองอย่างแน่นอน” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

โคลนผุดบนถนนย่านวงเวียนใหญ่ ชาวบ้านหวั่นถนนทรุด

กทม. 7 ก.ย. – ดินโคลนผุดใต้พื้นถนนบริเวณจุดก่อสร้างรถไฟฟ้า ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินก่อนเข้าวงเวียนใหญ่ ชาวบ้านหวั่นพื้นทรุดตัว เจ้าหน้าที่เร่งถมยางมะตอย หลังจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ช่วงบ่ายของวันนี้ บริเวณจุดก่อสร้างรถไฟฟ้า ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินก่อนเข้าวงเวียนใหญ่ มีโคลนสีเหลือง ผุดขึ้นมาบนพื้นถนนจำนวนมาก จนทำให้การจราจรบริเวณนั้นติดขัด โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวกำลังมีการก่อสร้าง โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก ) ซึ่งสาเหตุที่มีโคลนสีเหลืองผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก สันนิษฐานว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสาเหตุทำให้น้ำเข้าไปขังใต้พื้นถนนกลายเป็นดินโคลนที่ผุดขึ้นมา ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่โครงการรถไฟฟ้า ได้นำยางมะตอยเข้ามาถมจุดที่มีโคลนผุดขึ้นมา พร้อมกับจัดเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องการทรุดตัวของพื้นถนน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่สัญจรเส้นทางดังกล่าว ฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่จะสัญจรเส้นทางดังกล่าว หากไม่มีกรณีเร่งด่วนให้หลีกเลี่ยง หรือเปลี่ยนเส้นทางสัญจร เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน.-สำนักข่าวไทย

เขมรครึ่งร้อยป่วนบ้านหนองจานอีก

สระแก้ว 7 ก.ย. – ชาวกัมพูชากว่า 50 คน รวมตัวท่ามกลางสายฝน กดดันทหารไทย เกณฑ์เด็ก-ผู้หญิง เข้ามาในพื้นที่บ้านหนองจาน สร้างเพิงพักชั่วคราวใกล้แนวชายแดน ชาวกัมพูชากว่า 50 คน รวมตัวท่ามกลางสายฝน กดดันทหารไทย โดยเกณฑ์เด็กและผู้หญิงเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองจาน ใกล้หลักเขต 46 ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทั้งสร้างเพิงพักชั่วคราวบริเวณใกล้แนวชายแดน สถานการณ์โดยรวมยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ปรากฏเหตุการณ์ความวุ่นวาย หรือการกระทบกระทั่งแต่อย่างใด ส่วนบริเวณจุดตรวจ 40 บ้านหนองจาน ผู้กำกับ สภ.โคกสูง ได้จัดกำลังตำรวจเข้าดูแลพื้นที่รักษาความปลอดภัย ช่วงเวลา 11.00 น. มีกลุ่มมวลชนเดินทางเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 20 คน เหตุการณ์ทั่วไปยังปกติ.-สำนักข่าวไทย