ประกันสังคม แจงเงินกองทุนยังอยู่ครบ พร้อมจ่ายสิทธิว่างงาน

ก.แรงงาน 3 พ.ค.- โฆษกสำนักงานประกันสังคม ยืนยันประกันสังคมมีเงินจ่ายให้กับผู้ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน 1.2 ล้านคน แน่นอน ย้ำกองทุนประกันสังคม 2 ล้านล้านบาท ยังอยู่ครบ ไม่ได้หายไปไหน 


นางพิศมัย นิธิไพบูลย์ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม ในฐานะโฆษกสำนักงานประกันสังคมชี้แจง กรณีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวความมั่นคงเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม และการจ่ายเงินสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยล่าช้า และความกังวลของผู้ประกันตนในประเด็นเงินกองทุนประกันสังคมทั้งหมดกว่า 2 ล้านล้านบาทหายไปไหนกองทุนมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน และกรณีอื่นๆ หรือไม่นั้น ขอเรียนว่า กองทุนว่างงาน ปัจจุบันมีเงินกองทุนว่างงานอยู่จำนวนกว่า 160,000 ล้านบาท ซึ่งมีเพียงพอต่อการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตน  โดยสำนักงานประกันสังคมได้ประมาณการเบื้องต้น พบว่า จากจำนวนผู้มาขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน 1.2 ล้านคน คาดว่าจะคิดเป็นเงินทั้งหมดจำนวน 20,000 – 30,000 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานฯ มีเงินกองทุนเพียงพอ ที่จะนำไปจ่ายสิทธิประโยชน์ดังกล่าว  โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด พร้อมทั้งได้เตรียมสำรองสภาพคล่องไว้รอการจ่ายเงินแล้ว ขอให้ผู้ประกันตนวางใจว่ากองทุนมีเงินกองทุนเพียงพอ นอกจากนี้ เงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท ยังอยู่ครบถ้วน มิได้หายไปไหน 

เงินลงทุนกองทุนประกันสังคม ณ 31 มีนาคม 2563 จำนวน 2,032,841 ล้านบาท ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน หุ้นกู้บริษัทเอกชนที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และหน่วยลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ จำนวน 1,671,176 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82 ของเงินกองทุน และลงทุนในหลักทรัพย์ อาทิ หุ้นสามัญ หน่วยลงทุนในหุ้นต่างประเทศ หน่วยลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน ทองคำ จำนวน 361,665 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18 ของเงินกองทุน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการประกันสังคมที่กำหนดให้ต้องมีสัดส่วนหลักทรัพย์มั่นคงอย่างน้อย ร้อยละ 60 ซึ่งการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลจะมีปริมาณที่สูงกว่าหลักทรัพย์ประเภทอื่น เนื่องจากเป็นการลงทุนที่สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอให้กับกองทุน และประเด็นกรณีการจ่ายเงินช่วยเหลือจากประกันสังคมที่ล่าช้า ในเรื่องนี้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการนำเรื่องการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยให้ขยายความคุ้มครองผู้ประกันตนจากภัยอันเกิดจากโรคที่แพร่หรือระบาดในมนุษย์ โดยกฎหมายได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันศุกร์ ที่ 17 เมษายน 2563 เวลา 18.30 น ซึ่งสำนักงานประกันสังคมเริ่มทยอยจ่ายเงินกรณีว่างงาน ให้ผู้ประกันตนกลุ่มแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563 จนกระทั่งปัจจุบันสรุปข้อมูล ณ วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563 มีจำนวนผู้ประกันตนมายื่นขอใช้สิทธิจำนวน 1,177,841 ราย ได้สั่งจ่ายให้แก่ผู้ประกันตนไปแล้วทั้งสิ้น 426,358 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ 243,974 ราย และอยู่ระหว่างติดตามนายจ้างจำนวนกว่า 50,000 สถานประกอบการให้เข้ามารับรองสิทธิลูกจ้างจำนวน 507,509 ราย 


เมื่อวันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของทุกส่วนราชการของกระทรวงแรงงาน เร่งระดมประสานงานติดตามนายจ้างจำนวนกว่า 50,000 ราย ให้เข้ามารับรองการหยุดงาน รวมทั้งสำนักงานประกันสังคมจะได้ออกหนังสือแจ้งนายจ้างให้เข้ามารับรองการหยุดงานของลูกจ้างกลุ่มดังกล่าว เพื่อไม่ให้ลูกจ้างเสียสิทธิ์ จากการติดตามพบว่า

– มีประมาณร้อยละ 20 เป็นสถานประกอบการที่เปิดทำการปกติและจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง ประมาณการลูกจ้างจำนวนกว่า 100,000 คน

– มีประมาณร้อยละ 10 เป็นสถานประกอบการที่จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา 75  ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ประมาณการลูกจ้างจำนวนกว่า 200,000 คน 


– คงเหลือจำนวนลูกจ้างที่คาดว่าจะมีคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งสำนักงานประกันสังคมกำลังเร่งให้นายจ้างดำเนินการรับรอง สั่งจ่ายในกลุ่มนี้อีกกว่า 200,000 ราย 

       ทั้งนี้ ขอเรียนชี้แจงแก่ลูกจ้างผู้ประกันตนว่าการรับเงินว่างงานกรณีเหตุสุดวิสัยนั้นจะต้องเป็นกรณีที่นายจ้างหยุดประกอบกิจการชั่วคราวและไม่จ่ายเงินค่าจ้าง ให้แก่ลูกจ้างประกอบกับลูกจ้างนั้นจะต้องจ่ายเงินสมทบครบตามเงื่อนไขในการขอรับสิทธิ์ประโยชน์กรณีว่างงานคือมีการนำส่งเงินสมทบครบหกเดือนภายในระยะเวลา 15 เดือนย้อนหลัง ทั้งนี้สำนักงานประกันสังคมมีกรอบในการปฏิบัติงานภายใต้พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงต้องขออภัยหากการดำเนินการจะไม่สามารถเป็นไปตามที่นักวิชาการหรือผู้มีความเห็นต่างๆ ได้แนะนำภายในระยะเวลาอันรวดเร็วภายใต้วิกฤตเช่นนี้ อย่างไรก็ดี สำนักงานประกันสังคมขอน้อมรับที่จะนำไปปรับปรุงข้อกฎหมายต่างๆ ที่ทุกท่านได้มีความเห็นเสนอมา .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ช่วยผู้รอดชีวิตรายแรก เหตุตึก สตง.แห่งใหม่ ถล่ม

กทม. 28 มี.ค. – ช่วยได้แล้ว 1 ราย ผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร สตง.แห่งใหม่ พังถล่ม เป็นคนงานที่ติดอยู่ในช่องลิฟต์ เร่งนำส่ง รพ. อัปเดตตัวเลขผู้เสียชีวิต ณ เวลา 19.25 น. เพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย สูญหาย 117 ราย .-สำนักข่าวไทย

ระดมค้นหา 94 ชีวิต เหตุตึกถล่มย่านจตุจักร

เกาะติดเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ พังถล่มจากแผ่นดินไหว จนท.ยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต ตัวเลข ปภ. คาดมีคนงานติดอยู่ในซาก 94 ราย ยังไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่ยืนยันผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 3 ราย ด้านนายกฯ ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ก่อนเดินทางไปยังศูนย์บัญชาการแผ่นดินไหว กทม.

กรมอุตุฯ เฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อก เขย่าแล้ว 21 ครั้ง

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานอาฟเตอร์ช็อกแล้ว 21 ครั้ง นักวิชาการระบุ พลังงานของแผ่นดินไหวลดลงตามลำดับ แต่ที่น่าห่วงคือ โครงสร้างของอาคารต่างๆ โดยเฉพาะอาคารสูงในกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นดินอ่อน ต้องมีการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง

นายกฯ ยันไม่เกิดสึนามิแน่ เหตุเป็นแผ่นดินไหวบนบก

นายกฯ เผยสถานการณ์แผ่นดินไหวคลี่คลาย ประชาชนกลับเข้าที่พัก-อาคารสูงได้ พร้อมเปิดพื้นที่สวนสาธารณะให้อยู่ ขณะรถไฟฟ้าเปิดให้ บริการอีกครั้งวันพรุ่งนี้ สั่งเร่งทยอยนำคนออกจากตึกถล่ม จตุจักร ก่อนลงพื้นที่ด่วน ยันไม่เกิดสึนามิแน่ เหตุเป็นแผ่นดินไหวบนบก