สส.ปชน.ชี้รัฐบาลต้องกู้วิกฤติประกันสังคม-จัดทำระบบตรวจสอบให้โปร่งใส

รัฐสภา 31 พ.ค. – “สหัสวัต” ชี้รัฐบาลต้องกู้วิกฤติสำนักงานประกันสังคม เริ่มจากการใช้หนี้คืนกองทุน-แก้กฎหมายปรับโครงสร้างบอร์ดกองทุนประกันสังคม ให้ยึดโยงกับผู้ประกันตน และจัดทำระบบตรวจสอบให้โปร่งใส ปิดช่องไม่ให้พวกปรสิตสูบโกงกินเงิน


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม ในวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 โดยนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน อภิปรายงบสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ที่ได้รับการจัดสรรงบในกระทรวง 68,069 ล้านบาท และเป็นงบประมาณของสำนักงานประกันสังคม 61,666 ล้านบาท หรือ 90% แม้จะเป็นงบประมาณจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถจ่ายดูแลผู้ประกันตนได้อย่างเพียงพอในอนาคต และการวิพากษ์ว่ากองทุนประกันสังคมวิกฤติเสี่ยงร่มในช่วง 25-30 ปี ที่หมายถึงบุคคลที่ส่งประกันสังคมไป แต่อาจไม่ได้รับสิทธิในการรักษาในช่วงวัยเกษียณ

“เราอยู่ในวิกฤติที่อีก 30 ปี ประชาชนคนไทยจะเจ็บป่วยไม่ได้ ตกงานไม่ได้ หยุดทำงานไม่ได้ เพราะหยุดเมื่อไรจะลบทันทีแบบไม่มีโอกาสลุก แม้แต่รัฐมนตรีพิพัฒน์ได้พูดว่ากองทุนประกันสังคมเสี่ยงล้มละลายภายใน 30 ปี จนมีการสรุปว่ารายรับไม่สัมพันธ์กับรายจ่ายในอนาคต และมีการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 4 ข้อ ขยายอายุการเกษียณ กำหนดเพิ่มอัตราสมทบระยะสั้น ขยายเพดานค่าจ้าง ร่วมมือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง”


นายสหัสวัต ชี้ว่าหากรัฐบาลต้องการกู้วิกฤติประกันสังคม ต้องเริ่มจากตัวเอง จากการใช้หนี้กองทุนประกันสังคม หนี้ที่ติดผู้ประกันตนทั้งประเทศ ซึ่งจากข้อมูลที่มีรัฐบาลติดหนี้ตั้งแต่ปี 2534-2539 ค้างชำระกว่า 1 แสนล้านบาท เนื่องจากในอดีตมีงบประมาณก้อนหนึ่ง หรืองบประมาณพัฒนาจังหวัด หรืองบ สส. ที่จะเห็นป้ายตามศาลาพักร้อนหรือสะพานว่าจัดสรรโดย สส.คนนั้นคนนี้ เงินผู้ประกันตนของคนทั้งประเทศโดนล้วงเอาไปใช้เอาหน้า โดยที่ผู้ที่ส่งเงินสมทบเป็นผู้เสียประโยชน์ เพียงพอต้องตัดเอาไปให้ สส. ที่อยากมีหน้ามีตาเอาเงินไปสร้างถนนสร้างสะพาน แต่ความซวยตกอยู่กับผู้ประกันตน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลค้างจ่ายเงินเงินประกันสังคมอยู่ที่ 56,000 ล้านบาท และทุกปีที่รัฐเบี้ยวหนี้คือการขโมยเงินในอนาคตของผู้ประกันตน เสียโอกาสในการลงทุนออกดอกผลให้มาเป็นสิทธิประโยชน์ประชาชน

พร้อมกันนี้ได้คำนวณเงินค้างจ่ายของรัฐบาลต่อประกันสังคม ในเรทอัตราดอกเบี้ยเดียวกันกับการเก็บผู้ประกอบการ จะทำให้มีค่าปรับและค่าเสียโอกาสจากการค้างจ่ายสมทบของรัฐบาลอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสามารถยืดอายุกองทุนได้อย่างน้อย 4 ปี ก่อนจะเรียกร้องให้รัฐบาลกลางใช้หนี้อย่างจริงจัง เพราะขณะนี้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในกองทุน เนื่องจากปัญหาความโปร่งใส

“จะใช้ให้หมดภายในกี่ปี จ่ายดอกปีละเท่าไร ทำจริงจังออกมา หยุดเอาเปรียบลูกจ้างนายจ้าง หวังว่าจะได้เห็นแผนใช้หนี้นี้ในปีหน้า ยังนับว่าเริ่มแรกหลักประกันสังคมคือการสมทบ 3 ฝ่าย ผู้ประกันตน นายจ้าง จ่ายคนละ 5% แต่รัฐจ่ายเพียง 2.75% แบบนี้จ่ายน้อยที่สุด เอาเปรียบตั้งแต่ต้นไม่พอยังค้างจ่าย แบบไม่มีค่าปรับดอกเบี้ยอะไร นี่เอาเปรียบทั้งคนทำงานและนายจ้าง แบบนี้ก็เจ๊งสิ”


นายสหัสวัต กล่าวต่อว่า แม้แต่ตึก Skyy9 บอร์ดประกันสังคมยังไม่เคยรู้ว่าเป็นการลงทุน เพราะกฎระเบียบเปิดช่องว่างให้มีการแต่งตั้งอนุฯ ชงให้กองทุนซื้อของมูลค่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งความไม่โปร่งใส ส่งผลต่อความไม่มีประสิทธิภาพ ผ่านผลตอบแทนการลงทุน ซึ่งกองทุนประกันสังคมในช่วง 10 ปี เติบโตปีละ 3% หากเปรียบเทียบกับกองทุนในประเทศอื่น โต 5% ซึ่งแม้จะห่าง 2% แต่คือเงินนับ 100,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้กล่าวถึงการใช้งบประมาณในสำนักงานประกันสังคม ที่รับการจัดสรรงบ 937 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ 880 ล้านบาท คือเงินใช้จ่ายบุคลากรและอีก 54 ล้านเป็นงบที่ใช้ดำเนินงาน โดยยังมีเงินนอกงบประมาณ ใช้เงินสมทบของผู้ ประกันตน ซึ่งตามกฎหมายสามารถใช้ได้ 10% ของเงินสมทบ แม้สำนักงานจะบอกว่าใช้เพียง 3% แต่สูงถึงปีละ 6000 ล้านบาท ที่ไม่ต้องผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรและตรวจสอบไม่ได้ เมื่อย้อนไปดูใช้เงินของสำนักงานประกันสังคม จะเห็นว่ามีการตั้งคำถามว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตนอย่างไร

“ไม่ว่าจะเป็นการทำปฏิทินปีละกว่า 50 ล้านบาท ที่ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ไม่มีใครเคยได้ ไม่รู้แต่ไปทำไมหรือกรณีที่ผมเพิ่งเปิดเผยไม่นานมานี้คือการซื้อรถของประกันสังคม ซึ่งไม่ได้มีความจำเป็น แต่มันคือการเอาเงินสี่ล้านบาทของผู้ประกันตนไปซื้อรถหรู เขียนโครงการด้วยความสวยหรือว่ารถสนับสนุนภารกิจของกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม แต่ที่จริงคือเอารถไปใช้ประจำตำแหน่ง”

นายสหัสวัต กล่าวว่า ให้ตัดการใช้จ่ายที่สุรุ่ยสุร่ายออกไปและขยายสิทธิให้ผู้ประกันตนสามารถไปถึงไหนต่อไหนแล้ว พร้อมทักท้วงเรื่องการให้บริการประชาชนเรื่องสายด่วน 1506 ที่ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะสำนักงานมีการไปจ้างบริษัทนอกมาดำเนินการ ซึ่งไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเข้าใจข้อมูลของประกันสังคม ซึ่งใช้งบประมาณในส่วนนี้ปีละกว่า 100 ล้านบาท เป็นระยะ 10 ปีก็เป็นมูลค่า 1000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงงบที่เกี่ยวกับระบบไอทีของสำนักงานสำนักงานประกันสังคม วงเงินปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และใช้มานานเป็นระยะ 10 ปี หมดไปนับ 10,000 ล้านบาท กับการทำแอปพลิเคชันที่ไม่สามารถบริการประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิ ก่อนที่จะเสนอแนะให้ปรับเปลี่ยนงบในส่วนนี้ไปสนับสนุนด้านบุคลากรเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

พร้อมกันนี้กล่าวถึงการปฏิรูปโครงสร้างสำนักงานประกันสังคมทั้งหมด โดยผู้มีอำนาจในการตัดสินใจมีไม่กี่คน ที่ทำงานภายใต้อำนาจของนักการเมือง ซึ่งข้าราชการในกระทรวงไม่เคยจ่ายเงินสมทบ แต่ไปคิดแทนผู้ประกันตน เป็นการเปิดช่องโหว่ให้นักการเมืองฉ้อฉล และข้าราชการน้ำเสียรวมหัวคอร์รัปชันสูบกินเงินของผู้ประกันตน อย่าว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะยกเครื่องพระราชบัญญัติประกันสังคม

“โดยแก้หลักการว่ากองทุนประกันสังคมต้องยึดโยงกับนายจ้างและผู้ประกันตนให้มากที่สุดผ่านการเลือกตั้ง คนบริหารต้องมาจาก 3 ฝ่ายอย่างแท้จริง ไม่ใช่รัฐที่จ่ายน้อยที่สุดแต่มีอำนาจสูงสุด และต้องมีกลไกตรวจสอบได้ตลอดเวลา ปิดโอกาสปิดช่องไม่ให้พวกปรสิตมาสูบโกงกินเงินของพวกเราที่ทำงานอย่างหนัก ส่งเงินเข้ากองทุนนี้เพื่อหวังจะมีเบาะรองในชีวิต”

ทั้งนี้ นายสหัสวัต ได้เสนอกู้วิกฤติประกันสังคม คือการใช้หนี้ ทำให้โปร่งใส ปฏิรูปโครงสร้าง.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ภายหลัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เข้าร่วมสอบปากคำ พระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ หมอบี ล่าสุด มีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต ยินยอมจะขอลาสิกขาจากเพศบรรพชิตแล้ว เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยอดีตพระอลงกต ถูกจับกุมเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟอกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]

คุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

สระแก้ว 26 ส.ค.- ฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานประกาศปิด 2 วัน (26-27 ส.ค.) เพื่อความปลอดภัย สถานการณ์บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนกัมพูชา และเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อวานนี้ ล่าสุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานได้ประกาศปิดเรียน 2 วัน ในวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ เพื่อความปลอดภัย ด้านฝ่ายความมั่นคงเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและปฏิบัติการตามขั้นตอน เพื่อยืนยันการรักษาอธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุในช่วงนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชายังคงมีชาวบ้านนอนเฝ้าอยู่บริเวณรั้วตลอดทั้งคืน แต่ยังไม่มีการก่อความวุ่นวายใดๆ