สส.ปชน.ชี้รัฐบาลต้องกู้วิกฤติประกันสังคม-จัดทำระบบตรวจสอบให้โปร่งใส

รัฐสภา 31 พ.ค. – “สหัสวัต” ชี้รัฐบาลต้องกู้วิกฤติสำนักงานประกันสังคม เริ่มจากการใช้หนี้คืนกองทุน-แก้กฎหมายปรับโครงสร้างบอร์ดกองทุนประกันสังคม ให้ยึดโยงกับผู้ประกันตน และจัดทำระบบตรวจสอบให้โปร่งใส ปิดช่องไม่ให้พวกปรสิตสูบโกงกินเงิน


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม ในวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 โดยนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน อภิปรายงบสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ที่ได้รับการจัดสรรงบในกระทรวง 68,069 ล้านบาท และเป็นงบประมาณของสำนักงานประกันสังคม 61,666 ล้านบาท หรือ 90% แม้จะเป็นงบประมาณจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถจ่ายดูแลผู้ประกันตนได้อย่างเพียงพอในอนาคต และการวิพากษ์ว่ากองทุนประกันสังคมวิกฤติเสี่ยงร่มในช่วง 25-30 ปี ที่หมายถึงบุคคลที่ส่งประกันสังคมไป แต่อาจไม่ได้รับสิทธิในการรักษาในช่วงวัยเกษียณ

“เราอยู่ในวิกฤติที่อีก 30 ปี ประชาชนคนไทยจะเจ็บป่วยไม่ได้ ตกงานไม่ได้ หยุดทำงานไม่ได้ เพราะหยุดเมื่อไรจะลบทันทีแบบไม่มีโอกาสลุก แม้แต่รัฐมนตรีพิพัฒน์ได้พูดว่ากองทุนประกันสังคมเสี่ยงล้มละลายภายใน 30 ปี จนมีการสรุปว่ารายรับไม่สัมพันธ์กับรายจ่ายในอนาคต และมีการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 4 ข้อ ขยายอายุการเกษียณ กำหนดเพิ่มอัตราสมทบระยะสั้น ขยายเพดานค่าจ้าง ร่วมมือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง”


นายสหัสวัต ชี้ว่าหากรัฐบาลต้องการกู้วิกฤติประกันสังคม ต้องเริ่มจากตัวเอง จากการใช้หนี้กองทุนประกันสังคม หนี้ที่ติดผู้ประกันตนทั้งประเทศ ซึ่งจากข้อมูลที่มีรัฐบาลติดหนี้ตั้งแต่ปี 2534-2539 ค้างชำระกว่า 1 แสนล้านบาท เนื่องจากในอดีตมีงบประมาณก้อนหนึ่ง หรืองบประมาณพัฒนาจังหวัด หรืองบ สส. ที่จะเห็นป้ายตามศาลาพักร้อนหรือสะพานว่าจัดสรรโดย สส.คนนั้นคนนี้ เงินผู้ประกันตนของคนทั้งประเทศโดนล้วงเอาไปใช้เอาหน้า โดยที่ผู้ที่ส่งเงินสมทบเป็นผู้เสียประโยชน์ เพียงพอต้องตัดเอาไปให้ สส. ที่อยากมีหน้ามีตาเอาเงินไปสร้างถนนสร้างสะพาน แต่ความซวยตกอยู่กับผู้ประกันตน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลค้างจ่ายเงินเงินประกันสังคมอยู่ที่ 56,000 ล้านบาท และทุกปีที่รัฐเบี้ยวหนี้คือการขโมยเงินในอนาคตของผู้ประกันตน เสียโอกาสในการลงทุนออกดอกผลให้มาเป็นสิทธิประโยชน์ประชาชน

พร้อมกันนี้ได้คำนวณเงินค้างจ่ายของรัฐบาลต่อประกันสังคม ในเรทอัตราดอกเบี้ยเดียวกันกับการเก็บผู้ประกอบการ จะทำให้มีค่าปรับและค่าเสียโอกาสจากการค้างจ่ายสมทบของรัฐบาลอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสามารถยืดอายุกองทุนได้อย่างน้อย 4 ปี ก่อนจะเรียกร้องให้รัฐบาลกลางใช้หนี้อย่างจริงจัง เพราะขณะนี้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในกองทุน เนื่องจากปัญหาความโปร่งใส

“จะใช้ให้หมดภายในกี่ปี จ่ายดอกปีละเท่าไร ทำจริงจังออกมา หยุดเอาเปรียบลูกจ้างนายจ้าง หวังว่าจะได้เห็นแผนใช้หนี้นี้ในปีหน้า ยังนับว่าเริ่มแรกหลักประกันสังคมคือการสมทบ 3 ฝ่าย ผู้ประกันตน นายจ้าง จ่ายคนละ 5% แต่รัฐจ่ายเพียง 2.75% แบบนี้จ่ายน้อยที่สุด เอาเปรียบตั้งแต่ต้นไม่พอยังค้างจ่าย แบบไม่มีค่าปรับดอกเบี้ยอะไร นี่เอาเปรียบทั้งคนทำงานและนายจ้าง แบบนี้ก็เจ๊งสิ”


นายสหัสวัต กล่าวต่อว่า แม้แต่ตึก Skyy9 บอร์ดประกันสังคมยังไม่เคยรู้ว่าเป็นการลงทุน เพราะกฎระเบียบเปิดช่องว่างให้มีการแต่งตั้งอนุฯ ชงให้กองทุนซื้อของมูลค่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งความไม่โปร่งใส ส่งผลต่อความไม่มีประสิทธิภาพ ผ่านผลตอบแทนการลงทุน ซึ่งกองทุนประกันสังคมในช่วง 10 ปี เติบโตปีละ 3% หากเปรียบเทียบกับกองทุนในประเทศอื่น โต 5% ซึ่งแม้จะห่าง 2% แต่คือเงินนับ 100,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้กล่าวถึงการใช้งบประมาณในสำนักงานประกันสังคม ที่รับการจัดสรรงบ 937 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ 880 ล้านบาท คือเงินใช้จ่ายบุคลากรและอีก 54 ล้านเป็นงบที่ใช้ดำเนินงาน โดยยังมีเงินนอกงบประมาณ ใช้เงินสมทบของผู้ ประกันตน ซึ่งตามกฎหมายสามารถใช้ได้ 10% ของเงินสมทบ แม้สำนักงานจะบอกว่าใช้เพียง 3% แต่สูงถึงปีละ 6000 ล้านบาท ที่ไม่ต้องผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรและตรวจสอบไม่ได้ เมื่อย้อนไปดูใช้เงินของสำนักงานประกันสังคม จะเห็นว่ามีการตั้งคำถามว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตนอย่างไร

“ไม่ว่าจะเป็นการทำปฏิทินปีละกว่า 50 ล้านบาท ที่ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ไม่มีใครเคยได้ ไม่รู้แต่ไปทำไมหรือกรณีที่ผมเพิ่งเปิดเผยไม่นานมานี้คือการซื้อรถของประกันสังคม ซึ่งไม่ได้มีความจำเป็น แต่มันคือการเอาเงินสี่ล้านบาทของผู้ประกันตนไปซื้อรถหรู เขียนโครงการด้วยความสวยหรือว่ารถสนับสนุนภารกิจของกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม แต่ที่จริงคือเอารถไปใช้ประจำตำแหน่ง”

นายสหัสวัต กล่าวว่า ให้ตัดการใช้จ่ายที่สุรุ่ยสุร่ายออกไปและขยายสิทธิให้ผู้ประกันตนสามารถไปถึงไหนต่อไหนแล้ว พร้อมทักท้วงเรื่องการให้บริการประชาชนเรื่องสายด่วน 1506 ที่ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะสำนักงานมีการไปจ้างบริษัทนอกมาดำเนินการ ซึ่งไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเข้าใจข้อมูลของประกันสังคม ซึ่งใช้งบประมาณในส่วนนี้ปีละกว่า 100 ล้านบาท เป็นระยะ 10 ปีก็เป็นมูลค่า 1000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงงบที่เกี่ยวกับระบบไอทีของสำนักงานสำนักงานประกันสังคม วงเงินปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และใช้มานานเป็นระยะ 10 ปี หมดไปนับ 10,000 ล้านบาท กับการทำแอปพลิเคชันที่ไม่สามารถบริการประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิ ก่อนที่จะเสนอแนะให้ปรับเปลี่ยนงบในส่วนนี้ไปสนับสนุนด้านบุคลากรเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

พร้อมกันนี้กล่าวถึงการปฏิรูปโครงสร้างสำนักงานประกันสังคมทั้งหมด โดยผู้มีอำนาจในการตัดสินใจมีไม่กี่คน ที่ทำงานภายใต้อำนาจของนักการเมือง ซึ่งข้าราชการในกระทรวงไม่เคยจ่ายเงินสมทบ แต่ไปคิดแทนผู้ประกันตน เป็นการเปิดช่องโหว่ให้นักการเมืองฉ้อฉล และข้าราชการน้ำเสียรวมหัวคอร์รัปชันสูบกินเงินของผู้ประกันตน อย่าว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะยกเครื่องพระราชบัญญัติประกันสังคม

“โดยแก้หลักการว่ากองทุนประกันสังคมต้องยึดโยงกับนายจ้างและผู้ประกันตนให้มากที่สุดผ่านการเลือกตั้ง คนบริหารต้องมาจาก 3 ฝ่ายอย่างแท้จริง ไม่ใช่รัฐที่จ่ายน้อยที่สุดแต่มีอำนาจสูงสุด และต้องมีกลไกตรวจสอบได้ตลอดเวลา ปิดโอกาสปิดช่องไม่ให้พวกปรสิตมาสูบโกงกินเงินของพวกเราที่ทำงานอย่างหนัก ส่งเงินเข้ากองทุนนี้เพื่อหวังจะมีเบาะรองในชีวิต”

ทั้งนี้ นายสหัสวัต ได้เสนอกู้วิกฤติประกันสังคม คือการใช้หนี้ ทำให้โปร่งใส ปฏิรูปโครงสร้าง.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]