“สิรภพ” แจงจะทำให้กองทุนประกันสังคมโปร่งใส ตรวจสอบได้

กทม. 7 มี.ค.-“สิรภพ” ผู้ช่วย รมต.แรงงาน แจงจะทำให้กองทุนประกันสังคมโปร่งใส ตรวจสอบได้ เผยเตรียมมาตรการปิดรอยรั่วไหล บริหารสถานะทางการเงินให้ยั่งยืน เพื่อผู้ประกันตน

นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ได้ตรวจสอบการใช้งบประมาณกองทุนประกันสังคมว่ามีความคุ้มค่ามากน้อยขนาดไหน เพราะกองทุนประกันสังคมมาจากการสมทบเงินจากลูกจ้าง นายจ้าง และภาครัฐ รวม 3 ฝ่าย


นายสิรภพ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ คนไทยมีอายุยืนขึ้น มีลูกน้อยลง และอยู่กันเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ทำให้การพึ่งพารายได้จากลูกหลานน่าจะเป็นไปได้ยากขึ้นในอนาคต ดังนั้นเงินประกันสังคมที่เก็บออมมาตั้งแต่ช่วงวัยทำงานจึงสำคัญมาก ซึ่งจำเป็นต้องนำไปบริหารจัดการอย่างคุ้มค่า

“ผมกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หารือกันตลอดในเรื่องนี้ว่าเราต้องมีมาตรการใหม่ๆ ในการบริหารจัดการกองทุนประกันสังคมให้ยั่งยืน จะมาทำแบบเดิมๆ อีกต่อไปไม่ได้แล้ว ทุกอย่างต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ผู้ประกันตน นายจ้างก็ต้องเข้าถึงเงินของเขาได้ว่า เขาสะสมมามากน้อยขนาดไหน” นายสิรภพ กล่าว


ส่วนจะทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุทุกคนมีรายได้เพียงพอในการยังชีพยามชรา ในขณะที่ตัวระบบประกันสังคมเอง ก็ต้องมีความยั่งยืนทางการคลังร่วมด้วยนั้น นายสิรภพ กล่าวว่า การที่คณะกรรมาธิการ และบอร์ดผู้ประกันตน เสนอเรื่องการปรับสูตรคำนวณในการจ่ายเงินบำนาญชราภาพ สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 คิดว่าไม่น่าจะมีใครปฏิเสธ หรือไม่เห็นชอบ ทราบมาว่าการประชุมบอร์ดประกันสังคมเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันมากเรื่องการเปลี่ยนสูตรคำนวณ 60 เดือนสุดท้ายมาเป็นสูตรใหม่ที่เรียกว่า CARE ที่ทางพรรคประชาชนเสนอ

นายสิรภพ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ต้องอาศัยเวลาทำความเข้าใจร่วมกันทุกฝ่าย จะมาเสนอแบบในการประชุมวันนี้ และต้องลงมติเห็นชอบทันทีไม่ได้ ตนจึงเห็นว่าต้องขอเวลาทำความเข้าใจอย่างละเอียดเหมือนกัน อย่าไปคิดว่าทุกคนต้องเข้าใจสูตรที่เสนอมาทั้งหมด การย่อยข้อมูลให้คนนอกวงการเข้าใจ ก็เป็นเรื่องสำคัญ

“ผมเห็นว่ามันต้องมาพร้อมกับการปรับเพดานค่าจ้างด้วย เพราะอย่างมาตรา 39 ทุกวันนี้ก็จ่ายเพียง 432 บาทต่อเดือน โดยคำนวณจากฐานค่าจ้าง 4,800 บาท หรือมาตรา 33 แค่ 750 บาทต่อเดือนเท่านั้น คำนวณจาก 15,000 บาท เป็นต้น ทำอย่างไรให้ผู้ประกันตนทุกคนที่เกษียณจากการทำงานแล้วและสามารถได้รับเงินบำนาญอย่างน้อย 3,000 บาทต่อเดือน อันนี้เป็นการบ้านของสำนักงานประกันสังคมที่ต้องออกแบบและคำนวณตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยต่อไป เพื่อให้มีเงินเพียงพอในกองทุนสำหรับการจ่ายในอนาคต ต้องบาลานซ์ให้ดีระหว่างเรื่องการจ่ายเงินออกไปกับสถานะกองทุน เพราะมันคือการผูกพันระยะยาว” นายสิรภพ กล่าว


ส่วนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดทำเว็บไซต์-แอปพลิเคชัน มูลค่า 850 ล้านบาท ที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2564 นายสิรภพ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ตอนที่เข้ามารับตำแหน่ง มีคนมาเล่านิทานให้ฟังตลอดว่ากองทุนประกันสังคมต้องทำให้โปร่งใส ตรวจสอบได้

“มีเรื่องหนึ่งเล่าว่า มีกรรมการที่เป็นผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง จัดตั้งบริษัทประมูลงาน รับบันทึกข้อมูลให้สำนักงานประกันสังคมมาหลายปี และบริษัทของกรรมการลูกจ้างคนนี้ก็ได้งานตลอด หรือมีกรรมการการแพทย์ เป็นเจ้าของ ผู้ถือหุ้น หรือกรรมการโรงพยาบาลเอกชน ที่เป็นคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคม เข้ามามีบทบาทกำหนดอัตราเหมาจ่ายรายหัวให้แก่โรงพยาบาลคู่สัญญาต่างๆ เป็นต้น เรื่องแบบนี้ผมทราบ และพยายามหาทางแก้ไขอยู่”

นายสิรภพ ยังกล่าวถึงปัญหาว่า เป็นความโบราณของ พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 24 เขียนไว้ในกฎหมายว่าให้คณะกรรมการจัดสรรเงินกองทุนไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินสมทบของแต่ละปี เพื่อจ่ายค่าเบี้ยประชุม เบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก และเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของสำนักงาน เช่น ทำระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆ เงินบริหารจัดการจำนวนมากนี้ ก่อนหน้านี้เห็นว่า คณะกรรมการและข้าราชการบางท่าน หาทางละเลงกันเละเทะ เช่น กรณีงบเช่าระบบคอมพิวเตอร์ และทำฐานข้อมูลที่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ปัญหามาจากเงินมาตรานี้ กฎหมายไปเอื้อประโยชน์ และส่งผลต่อการบริหารจัดการแบบขาดความรับผิดชอบของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาก่อนหน้านี้

“การที่คณะกรรมาธิการฯ เสนอให้มีการเปิดเผยรายงานการประชุมของกรรมการ และอนุกรรมการ ทุกชุด โดยเฉพาะเรื่องการอนุมัติเงิน การบริหารจัดการ ที่มาจากเงินสมทบ ให้ผู้ประกันตนรับทราบ ผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือเปิดเผยแก่สาธารณะ ถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นการช่วยกันคนละไม้คนละมือ อย่าให้เงินถูกละเลงหายไปกับการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งยุคนี้ ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน จะหาทางป้องกันทุกทาง ทำให้โปร่งใส ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ตรวจสอบได้” นายสิรภพ กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดยื้อ! ด.ช.5 ขวบ น้ำหนัก 50 กก. อาหารติดคอดับ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจเด็กชายวัย 5 ขวบ น้ำหนัก 50 กิโลกรัม อาหารติดคอ แต่สุดยื้อ เสียชีวิต ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว

เจอร่างใต้ตึกถล่ม

เจออีก 4 ร่างใต้ซากตึกถล่มโซน C จ่อนำเครนยักษ์เปิดพื้นที่

กู้ภัยเจอ 4 ร่างผู้สูญหายตึกถล่ม โซน C รอส่งนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เตรียมนำเครนเข้ายกแผ่นปูนขนาดใหญ่ เปิดพื้นที่มากขึ้น

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

ปิดฉาก “มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 ยอดจองพุ่ง 7.9 หมื่นคัน โต 44.8%

ยอดจองรถยนต์ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” รวมทุกเซกเมนต์โตพุ่ง 44.8% หรือคิดเป็น 79,941 คัน โดยเป็น EV 65% ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้ยังคงอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้เข้าชมงานทั้งสิ้น 1.6 ล้านคน

ข่าวแนะนำ

จากสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของไทยสู่ 73 ปี อสมท

จากปี 2495 ของช่อง 4 บางขุนพรหม จุดเริ่มต้นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของไทยสู่ 73 ปี อสมท ในปี 2568 มีการเปลี่ยนผ่านพัฒนาการในแวดวงสื่อสารมวลชนหลายยุคหลายสมัยมาอย่างไรบ้าง ติดตามจากรายงาน

จับแล้วโจรบุกเดี่ยวชิงทองกลางเมืองหาดใหญ่

จับแล้วโจรมาเลย์บุกเดี่ยวชิงทองกลางเมืองหาดใหญ่ จนมุมสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เผยมาหาลูกชายที่ จ.นนทบุรี แต่ลูกไม่ให้เข้าบ้าน

ศาล รธน.ไม่รับคำร้อง “ณฐพร” ขอสั่งฟัน กกต.ปล่อยฮั้วเลือก สว.

ศาลรัฐธรรมนูญเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง “ณฐพร” ขอสั่งฟัน กกต. ปล่อยฮั้วเลือก สว. เหตุไม่ใช่ผู้ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ กกต.ทำตามกฎหมาย หากเสียหายใช้สิทธิทางศาลอื่นได้