กรุงเทพฯ
2 พ.ค.-คาดหุ้นไทยไปต่อหลัง หลายประเทศ คลายล็อกดาวน์ กสิกรไทย ประเมินแนวรับ 1,285 และ 1,275 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,320 และ 1,355 จุด
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย
จำกัดรายงานว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้น
สอดคล้องกับทิศทางการเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียและตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวมที่ได้รับแรงหนุนจากแผนการเตรียมกลับมาเปิดเศรษฐกิจ
การคลายมาตรการล็อกดาวน์ของหลายประเทศ และความหวังต่อยารักษาโควิด–19 นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ
ยังเผชิญแรงขายให้อ่อนค่าลง หลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ย้ำสัญญาณพร้อมผ่อนคลายด้วยทุกเครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ในวันพฤหัสบดี
(30 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.37 เทียบกับระดับ 32.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (24 เม.ย.)
ด้านหุ้นไทยกลับมายืนเหนือ
1,300 จุดอีกครั้ง โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,301.66 จุด เพิ่มขึ้น 3.41% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่
59,605.08 ล้านบาท ลดลง 12.54% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น
3.12% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 256.19 จุด
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตลอดสัปดาห์
ท่ามกลางแรงหนุนจากการทยอยกลับมาเปิดเศรษฐกิจบางส่วนของประเทศต่างๆ รวมถึงการเตรียมผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศ
โดยเบื้องต้นจะอนุญาตให้กิจการ/กิจกรรมใน 6 กลุ่มแรก (ตลาด, ร้านจำหน่ายอาหาร,
กิจการค้าปลีก-ส่ง, กีฬา-สันทนาการ, ร้านตัดผม และอื่นๆ) กลับมาดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่
3 พ.ค. นอกจากนี้ หุ้นไทยยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากรายงานข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าในการทดลองยา
Remdesivir เพื่อรักษาโรคโควิด-19
สำหรับสัปดาห์ถัดไป
(4-8 พ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย
จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,285 และ 1,275 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,320 และ 1,355 จุด ตามลำดับธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่
32.20-32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม
ได้แก่ ข้อมูลเงินเฟ้อไทยเดือนเม.ย.
สถานการณ์ภายหลังการเปิดเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP และดัชนี PMI/ISM ภาคบริการเดือนเม.ย.
ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์-สำนักข่าวไทย