สศช. 30 เม.ย. – รัฐบาลเตรียมคิกออฟแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ 4 แสนล้านบาท เกษตรดั้งเดิม เกษตรสมัยใหม่ ตลาดออนไลน์ พัฒนาแรงงาน ฝึกอาชีพ เสนอ ครม.กลางเดือน พ.ค. เริ่มเดินหน้าขับเคลื่อนท้องถิ่นเดือน มิ.ย.นี้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ในระหว่างทุกฝ่ายร่วมกันอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ทุกอย่างต้องมีต้นทุน ทั้งการหยุดกิจการ ขาดรายได้ รัฐบาลจึงใช้เงินเยียวยาให้กับกลุ่มต่าง ๆ ประมาณ 550,000 ล้านบาท ดังนั้น หลังจากปัญหาการแพร่ระบาดคลี่คลายลง ในช่วง 3-6 เดือน ต้องหันมาเน้นสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก เพื่อพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ วงเงิน 400,000 ล้านบาท จาก พ.ร.ก.เงินกู้ เพื่ออาศัยจังหวะนี้พัฒนาท้องถิ่นในต่างจังหวัด
นายสมคิด กล่าวว่า เตรียมเปิดให้ส่วนราชการ รัฐวิสหากิจ หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกองทุนหมู่บ้าน มูลนิธิ เสนอจัดทำโครงการพัฒนาท้องถิ่น ประกอบด้วย 1.การพัฒนาอาชีพเกษตรดั้งเดิม 2.การพัฒนาแหล่งน้ำรองรับภาคเกษตรในชนบท 3.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวในชุมชน เตรียมรองรับการท่องเที่ยวในประเทศหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย นำไปสู่การท่องเที่ยวยั่งยืน 4.การพัฒนาด้านการผลิต การตลาดออนไลน์ ขนส่งสินค้ากระจายจากชุมชนไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้ชุมชนหันมาเน้นทำตลาดออนไลน์มากขึ้น 5.การพัฒนาบุคลากร จากหลายหน่วยงาน ทั้งการท่องเที่ยวฯ มหาวิทยาลัย เพื่อฝึกอบรมแรงงาน นักศึกษาจบใหม่ เพื่อให้มีงานทำ หากรัฐบาลตั้งรับปัญหาเศรษฐกิจ สร้างเงินหมุนเวียนได้ทัน ภาวะเศรษฐกิจต้นปีหน้าจะไม่หยุดชะงักหรือเสียหายมากเกินไป และยังรองรับปัญหาได้เมื่อมีงานทำ ทุกกิจกรรมกลับมาดำเนินการได้ทั้งในเมืองและชนบท
ทั้งนี้ เมื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจัดทำโครงการแล้ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เตรียมเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาประมาณกลางเดือนพฤษภาคม เมื่อเปิดให้ทุกหน่วยงานเสนอ โครงการพัฒนาท้องถิ่น คาดว่าการจัดโครงการขนาดเล็กจะลงไปพัฒนาท้องถิ่นได้ในต้นเดือนมิถุนายน เพื่อหวังให้เงินกู้ 400,000 ล้านบาท ช่วยพัฒนาชนบทให้เข้มแข็ง เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวพึ่งพาการส่งออกไม่ได้ การท่องเที่ยวไม่มีต่างชาติเดินทางเข้ามา จึงต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศผ่านโครงการระยะสั้น หลังจากเดือนตุลาคม 2563 จะใช้งบประมาณจากภาครัฐฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ในช่วงต่อไปผ่านเงินงบประมาณปกติของภาครัฐ.-สำนักข่าวไทย