กรุงเทพฯ 29 เม.ย.- พ่อพาลูกสาววัย 14 ปี ที่ จ. อำนาจเจริญ ร้อง ปคม. หลังถูกลูกพี่ลูกน้อง บังคับข่มขืนในบ้านพัก แต่คดีไม่คืบ ซ้ำญาติรู้เรื่องไม่พาแจ้งความ แต่กลับซื้อยาคุมให้กินแทน
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมพา นายอ้วน. อายุ 45 ปี พร้อมบุตรสาววัย 14 ปี เข้าพบ ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้ตรวจสอบสำนวนคดี และทำคดี ข่มขืน ที่บุตรสาว ถูก นายต้น อายุ 24 ปี ลูกพี่ลูกน้อง บังคับข่มขืน ภายในบ้านพัก ในพื้นที่ อำเภอหัวตะพานจ.อำนาจเจริญ เหตุเกิดเมื่อปลายเดือน พฤศจิกายน 2562 แต่คดีไม่คืบหน้า ตำรวจ สภ.หัวตะพาน บอกไม่มีเวลาทำคดี เพราะยุ่งกับเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 เมื่อทวงถาม ขอดู ผลการตรวจร่างกาย และ รายละเอียดทางทางคดี กลับ ถูกปฎิสธ
นายอ้วน บิดา กล่าวว่า.หลังภรรยาเสียชีวิต จึงต้องฝากบุตรสาว ไว้กับ ครอบครัวพี่สาว ที่ อ.หัวตะพาน. ส่วนตัวมาทำงานหาเงินเป็นเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัย ที่จ.นนทบุรี. จนกระทั้งปลายปี 2562 บุตรสาวถูก หลานชาย ซึ่งเป็นลูกพี่สาวบังคับข่มขืนในบ้านพัก พร้อมขู่ไม่ให้บอกใคร แต่บุตรสาวนำเรื่องไปบอก ญาติที่เป็น อสม. โดยญาติไม่พาไปแจ้งความ กลับไปซื้อยาคุมกำเนิดให้กินแทน กระทั่งเดือนมีนาคมลูกสาว ยอมเล่าเรื่องให้ฟัง เพราะทนกดดัน หวาดระแวงไม่ไหว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฯจังหวัดให้เข้าช่วยเหลือ นำลูกสาวไปอยู่ในการคุ้มครอง และพาไปแจ้งความเมื่อวันที่ 1 เมษายน. 2563. โดยระหว่างเกิดเรื่องญาติพี่น้องทุกคนพยายามปกปิดเรื่องดังกล่าวไม่ให้ตนรู้ ขณะที่ หลานชาย ที่ก่อเหตุก็ให้การปฏิเสธ ตำรวจแจ้งดำเนินคดีในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และได้ประกันตัวออกมาแล้ว ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะ ทำผิดต้องได้รับโทษ ส่วนตัวคิดว่าหากไม่ได้รับความเป็นธรรม จะฆ่า พี่สาว และหลานชายให้ตาย
ขณะที่ ทนายรณณรงค์ ติงการทำงานตำรวจ ท้องที่ ว่าควรให้ความสำคัญกับคดีทางเพศ รวมถึง กลไกการคุ้มครองผู้เสียหายกรณีที่มีการข่มขืนกันในบ้าน เมื่อเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ประกันตัว แต่เด็กผู้เสียหายต้องหนีออกจากบ้าน จึงยากร้องขอให้ ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ช่วยเหลือ ทำคดี ให้เกิดความเป็นธรรม เพราะเมื่อ พ่อเด็กโทรไปก็ถูก ตร.ด่ากลับมาว่า กำลังยุ่งเรื่องโควิด-19 อยู่ อยากให้ตำรวจ ท้องที่ และ พม.จังหวัดช่วยอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นด้วย .-สำนักข่าวไทย