สมุทรปราการ 28 เม.ย.- สั่งย้าย 2 ผบ.หมู่พ้น สภ.คลองด่าน ปมถูกร้องยัดคดีครอบครองไอซ์, รุมซ้อมเหยื่อ และกักขังหน่วงเหนี่ยวรีดเงิน 200,000 บาท ส่วนดาบตำรวจอีกคนยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงและยังไม่ถูกสั่งย้าย ขณะที่พยานบอกว่า ขณะเกิดเหตุมีผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก แต่ไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ
ความคืบหน้ากรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาเหยื่อเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เข้าร้องเรียน ผบ.ตร.เมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) โดยอ้างว่า เมื่อวันที่ 5 เมษายน ตนเองและสามีได้รับการติดต่อกัน “นายเต้” อ้างว่าเป็นญาตินักการเมืองให้ไปรับ “สิ่งของ” ที่สุเหร่าแห่งหนึ่งใน อ.คลองด่าน แต่เมื่อถึงเวลาพบว่ามีตำรวจ 3 นาย และพลเรือนบุกเข้ามาจับกุมโดยอ้างว่า “ครอบครองไอซ์” ก่อนนำตัวไปซ้อมและกักขังหน่วงเหนี่ยวที่ สภ.คลองด่าน พร้อมกับให้โอนเงิน 200,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ลงพื้นที่บริเวณมัสยิดมะซ่อตุ๊ดดีนี๊ยะห์ ต.บางเพรียง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่มีการบุกจับกุม และพูดคุยกับผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบชื่อ “นายชาญ” นามสมมติ เล่าให้ฟังว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 18.00 น. ขณะเลิกงานกำลังจะกลับห้องพักที่อยู่ติดกับมัสยิดฯ พบเห็นชายฉกรรจ์อย่างน้อย 2 คน โดยหนึ่งในนั้นมีลักษณะคล้ายดาบตำรวจนายหนึ่งของ สภ.คลองด่าน วิ่งลงจากรถกระบะ 4 ประตู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และเข้าไปทุบชายที่ขับรถกระบะสีขาวมากับภรรยา โดยที่ฝ่ายภรรยาของของคนขับพยายามเข้าห้ามปราม แต่ถูกหนึ่งในชายฉกรรจ์ใช้หัวเข่ากดตัวลงให้นอนกับพื้น และตะโกนให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้ยินว่า “มาดูเร็ว คนขายยาอยากมาดู มาดูเลย” แต่เมื่อมีคนมามุงดูมากๆ ชายฉกรรจ์กลับลากชายคนขับรถกระบะสีขาวขึ้นไปซ้อมต่อบนรถ และขณะนั้นเมื่อตำรวจเห็นคนถ่ายคลิปไว้ ก็กระชากโทรศัพท์คนที่อยู่ใกล้เคียงไปลบคลิปทุกคน
ด้าน พ.ต.อ.ศุภชัย ตระการรังสี ผู้กำกับการ สภ.คลองด่าน ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวไทยว่า ล่าสุดมีคำสั่งให้สิบตำรวจโท 2 นายไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการแล้ว ส่วนดาบตำรวจอีก 1 นาย ยังไม่มีคำสั่งย้าย และต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหากพบว่าใครกระทำความผิดต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
ก่อนหน้านี้นายอัจฉริยะให้ข้อมูลว่า ตำรวจชุดดังกล่าวเคยก่อเหตุมาในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ สภ.คลองด่าน มาหลายครั้ง ทั้งจับกุมพ่อแม่ลูกยัดยาเสพติด ก่อนเรียกรับผลประโยชน์ ทั้งเงินสดและรถยนต์เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี รวมถึงเคยเรียกรับเงิน 100,000 บาท จากหญิงสาวชาวระยองที่ถูกจับคดีครอบครองยาเสพติดแลกกับการปล่อยตัวอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย