เตรียมนำหญิงท้องแก่ติดเชื้อโควิด-19 ในห้องกัก ตม. ส่ง รพ.

สงขลา 27 เม.ย. – เจ้าหน้าที่เตรียมนำหญิงท้องแก่ใกล้คลอดที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งถูกกักตัวอยู่ที่ศูนย์กักฯ ตม.สงขลา ส่งไปรักษาที่ รพ.สะเดา



ความคืบหน้าอาการของชาวต่างชาติหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งถูกกักตัวอยู่ที่ศูนย์กักตัว ผู้ต้องกัก ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 42 คน จากทั้งหมด 115 คน ล่าสุดวันนี้ (27 เม.ย.) ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่จะมีการนำหญิงท้องแก่ใกล้คลอด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ติดเชื้อโควิด-19 ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสะเดา ส่วนที่เหลือแพทย์จะเข้ารักษาภายในศูนย์กักฯ และวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปเตรียมความพร้อมในการเปิดโรงพยาบาลสนาม ภายในศูนย์กักฯ แห่งนี้ เพราะจะต้องรักษาตัวจนหาย จึงจะผลักดันกลับประเทศต้นทาง เพื่อมนุษยธรรม


ทั้งนี้ ในส่วนของไทม์ไลน์ที่ทำให้ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ติดเชื้อ หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาว่า ต้นตอติดมาจากหญิงสาวชาวมาเลเซียคนหนึ่งที่ถูกดำเนินคดีขับรถชนคนงานหมวดทางหลวงกำแพงเพชร เสียชีวิต 5 ศพ ในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 และส่งมากักตัวที่ศูนย์กักฯ แห่งนี้ เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 ก่อนถูกผลักดันกลับเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา และมีอาการป่วยโควิด-19 ทำให้ผู้ที่เคยใกล้ชิดกับหญิงสาวรายนี้ รวมทั้งผู้คนในละแวกที่เคยไปอาศัยอยู่ ระหว่างที่พักอยู่ใน อ.หาดใหญ่ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ ตม.ไม่สบายใจ แม้จะไม่มีใครติดเชื้อแม้แต่คนเดียว


และปรากฏว่า หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ได้ตรวจสอบไทม์ไลน์ของหญิงชาวมาเลเซียคนนี้ พบว่าไม่น่าจะเป็นต้นตอของการแพร่เชื้อ เพราะผู้ใกล้ชิดทุกคน ทั้งที่ไปพักอาศัยอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ ระหว่างถูกดำเนินคดี และเจ้าหน้าที่ ตม. 2 นาย ที่ไปรับตัวมาที่ศูนย์กักฯ ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดที่สุด เพราะนั่งมาในรถกระบะด้วยกัน ผลตรวจทุกคนเป็นลบ ไม่มีใครติดเชื้อโควิด-19 แม้แต่คนเดียว ที่สำคัญก่อนจะถูกนำตัวเข้าไปในศูนย์กักฯ เมื่อวันที่ 15 เมษายน ก็ได้พาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสะเดา และมีใบรับรองแพทย์ชัดเจนว่าไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 และขณะนี้หญิงสาวรายนี้ แม้จะป่วย แต่อาการไม่รุนแรง อีกทั้งยังไม่เสียชีวิตตามที่เป็นข่าว และบอกว่าน่าจะติดเชื้อมาจากศูนย์กักฯ เพราะขณะกักตัวอยู่ 5 วัน ได้พูดคุยกับชาวมาเลเซีย 2 คน ที่ติดเชื้อด้วย ต้นตอของการแพร่เชื้อในกลุ่มชาวต่างชาติทั้ง 42 คน จึงน่าจะรับเชื้อมาจากเจ้าหน้าที่ ตม.คนแรกที่ติดเชื้อ ซึ่งไปเข้าเวรอยู่ที่ศูนย์กักฯ แห่งนี้ เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ก่อนจะมีอาการป่วยโควิด-19 และถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน และเจ้าหน้าที่ ตม.ที่เข้าเวรร่วมกันอีก 5 คน ทุกคนก็ติดเชื้อหมด 

ส่วนบรรยากาศที่ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา วันนี้ (27 เม.ย.) ยังคงมีคนไทยที่ตกค้างในประเทศมาเลเซีย เดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 และยังไม่หมด โดยมียอดลงทะเบียนไว้ 101 คน แต่อาจจะเดินทางมาไม่ครบตามจำนวนที่ลงทะเบียน เนื่องจากปัญหาต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงคัดกรองอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้ผู้ที่มีอาการไข้สูง หรืออยู่ในข่ายเฝ้าระวัง หลุดรอดไปแม้แต่คนเดียว และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการคัดกรอง ก็จะแยกผู้ที่มีอาการเข้าข่ายเฝ้าระวัง นำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้ที่มีอาการปกติ จะถูกนำไปกักตัว 14 วัน ทั้งในภูมิลำเนา และในศูนย์กักตัวฯ อ.สะเดา 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่คนไทยในมาเลเซียเดินทางเข้ามา เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แม้แต่คนเดียว รวมถึงผลตรวจทางห้องปฏิบัติการผู้เข้าข่ายเฝ้าระวัง จำนวน 15 คน ที่เดินทางกลับมา เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอีก 13 คน ก็ไม่พบสารพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Satellite images show wake of destruction of wildfires burning across California

เปิดปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าแอลเอไหม้ลามหนัก

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าในเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอ (LA) ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐไหม้ลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวิกฤตไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูงฝั่งปอยเปต พบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูง 18 ชั้น ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เบื้องต้นพบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา และอาคารดังกล่าวถูกระบุเป็นฐานบัญชาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่นี่จำนวนมาก

Palisades Fire

สหรัฐสั่งอพยพกว่าแสนคนหนีไฟป่า 6 จุดในแคลิฟอร์เนีย

ลอสแอนเจลิส 9 ม.ค.- สหรัฐสั่งอพยพประชาชนมากกว่า 100,000 คน เนื่องจากจำนวนไฟป่าที่โหมไหม้ในเทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 6 จุดแล้ว เพราะกระแสลมแรงเทียบเท่าเฮอริเคนและสภาพอากาศแล้ง เจ้าหน้าที่เผยว่า ในจำนวนไฟป่าทั้ง 6 จุด มีอยู่ 4 จุดที่ยังไม่สามารถควบคุมได้เลย ไฟป่าจุดแรก คือ พาลิเซดส์ไฟร์ (Palisades Fire) เกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 7 มกราคมตามเวลาท้องถิ่นใกล้แปซิฟิก พาลิเซดส์ ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทศมณฑล ต้นเพลิงมาจากไฟไหม้พุ่มไม้ที่โหมไหม้จนเกินควบคุมเพราะกระแสลมแรง ต้องอพยพคนอย่างน้อย 30,000 คน ไฟป่าจุดที่ 2 คือ อีตันไฟร์ (Eton Fire) เกิดขึ้นในเย็นวันเดียวกันที่หุบเขาอีตันแคนยอน เผาไหม้พื้นที่ขยายวงกว้างมากพอ ๆ กับไฟป่าจุดแรก ไฟป่าจุดที่ 3 คือ เฮิร์ตส์ไฟร์ (Hurst Fire) เกิดขึ้นกลางดึกวันเดียวกันในย่านซิลมาร์ของนครลอสแอนเจลิส จากนั้นในเช้าวันที่ 8 มกราคมเกิดไฟป่าจุดที่ 4 คือ วูดลีไฟร์ […]

ข่าวแนะนำ

“เฉิน” ตัวการสำคัญฉกเงินคนจีนในไทย บงการอยู่ต่างประเทศ

คดีคนจีนหลอกฉกเงินคนจีน รวมมูลค่า 13 ล้านบาท ตำรวจตามไปพบรถคันก่อเหตุ และยึดเงินคืนมาได้ แต่ “อาเฉิน” ตัวการสำคัญ หนีออกนอกประเทศไปแล้ว

ทำเนียบฯ เตรียมสถานที่ต้อนรับเด็กและเยาวชน ร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ 2568

ทำเนียบรัฐบาล จัดเต็ม เตรียมสถานที่ต้อนรับเด็กและเยาวชน ร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ2568 เปิดหน้าทำงาน-นั่งเก้าอี้ นายกรัฐมนตรี สวมบทบาทโฆษกรัฐบาล “นิวส์จิ๋ว” อ่านข่าวภาคภาษาไทย และอังกฤษ พบขบวนมาสคอต “หมูเด้ง” และผองเพื่อน

Satellite images show wake of destruction of wildfires burning across California

เปิดปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าแอลเอไหม้ลามหนัก

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าในเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอ (LA) ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐไหม้ลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวิกฤตไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ