“อนุทิน” ยันนายกฯ ไม่ยึดอำนาจ รับโควิด-19 เหมือนถูกโคขวิด

กระทรวงสาธารณสุข 16 เม.ย.-“อนุทิน” คิดไม่ถึงโควิดจะรุนแรง นายกฯ ไม่ได้ยึดอำนาจแก้โรคระบาด รัฐบาลไม่ขัดแย้ง แม้รักษาคนไม่เป็น แต่มั่นใจฝีมือการบริหารจัดการของตัวเอง พาสธ.เป็นที่ยอมรับได้ เลิกเล่นโซเชียลเพราะไม่อยากวอกแวกกับเสียงวิจารณ์


นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวไทย” กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) โดยให้ข้าราชการระดับปลัดกระทรวงเป็นผู้ปฏิบัติงานหลัก และถูกวิจารณ์ว่าเป็นการยึดอำนาจจากรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต้องการความร่วมมือจากหลายภาคส่วน กระทรวงสาธารณสุขมีขอบเขตอำนาจในการคัดกรองผู้ติดเชื้อและการรักษาพยาบาล ส่วนการบังคับใช้กฏหมายต้องเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี บัญชาการไปยังฝ่ายปกครองทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจ 

“ขณะที่สถานการณ์ที่โรคกำลังแพร่ระบาดไปมาก ผมเป็นคนหารือกับนายกรัฐมนตรีว่านายกรัฐมนตรีควรเป็นผู้ควบรวมสถานการณ์ เพื่อให้สั่งการทุกหน่วยงานคล่องตัว กระชับ ยืนยันว่าไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล ตรงกันข้ามรัฐมนตรีทุกคนหันหน้าเข้ามาหากัน ทุกกระทรวงหาวิธีช่วยประชาชนทั้งทางตรง ทางอ้อม” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว


ส่วนจะให้คะแนนการรับมือกับโควิด-19 ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ขอประเมินตัวเอง แต่ขอเป็นส่วนหนึ่งสนับสนุนการทำงานของแพทย์ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารสุขให้บรรลุผลมากที่สุด บุคลากรมทางการแพทย์ทุกคนทุ่มเทเสียสละ ไม่ท้อถอย ไม่เสียกำลังใจ ในฐานะที่เป็นฝ่ายบริหาร ไม่สามารถรักษาคนได้เพราะไม่ใช่แพทย์ แต่สิ่งที่สามารถทำได้คือการสนับสนุนแพทย์ พยาบาลเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากโควิด-19 หรือเป็นแล้วต้องหาย ขอลุยไปพร้อมกัน สิ่งที่ต้องทำคู่กันคือการทำให้แพทย์พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ปลอดภัยเพื่อดูแลผุ้ป่วย

“คิดไม่ถึงว่าโควิด-19 จะหนักหน่วงมากขนาดนี้ ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรบอกได้เลยว่าโดนโควิดกระเแทกเหมือนโดนโคขวิด เหมือนโดนวัววิ่งชน แต่ผมไม่ห่วงตัวเอง ห่วงแต่ประชาชน ห่วงบุคลากรทางการแพทย์ ภายใต้การบริหารของเรา ต้องหาทางมาต่อสู้เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้ มันยากมาก การที่ผ่านมาได้ทุกวันนี้ เป็นไปตามที่ทีมแพทย์วางแผนไว้หมด ไม่มีอะไรที่วางแผนไว้แล้วหลุด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะนิ่งมา 2 สัปดาห์แล้ว แต่ไม่เคยประมาท เวลาประชุมทุกเช้าได้เตือนตลอดให้ระวังการกลับมาอีก และเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นก็เป็นการเพิ่มขึ้นในสิ่งที่เรารู้ว่าจะเพิ่มขึ้นแบบนี้ และเตรียมการควบคุมไว้ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องถูกกักตัว มากกว่า 99 เปอร์เซนต์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี


“สิ่งที่ทำมา ไม่ต้องพูดว่าผิดหรือถูก แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาคือวันนี้เป็นไปตามที่วางแผน หากทุกคนยังให้ความร่วมมือ รักษาระยะห่างทางกายภาพและสังคม คณะผู้บริหารฝ่ายสาธารณสุข อาจารย์แพทย์ที่ปรึกษา เราประชุมเพื่อเตรียมการออกมาตรการเมื่อโควิดซาลง เมื่อถึงจุดไหนให้ เป็นนิวนอร์มอล Newnormal คือการกลับมาปกติ จะอยู่แบบนี้ไม่ได้ ไม่มีสังคม เคอร์ฟิวส์ไปไหนไม่ได้ แค่ระยะสั้นเท่านั้น  เราห่วงประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ รับจ้างรายวัน เราพยามคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นแบบอย่างที่ดีของโลก เราไม่สูญเสียทุกอย่างจากโควิด กล้าพูดว่าระบบสสาธารณสุขของไทยเป็นระบบที่ดีที่สุดในโลก เราหวังเป็นที่ 1 เราบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาลพร้อมรองรับ ให้บริการประชาชน ขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จะนำพาคนไทยให้มีสุขภาพดี ผลผลิตต่าง ๆ ก็จะดีตามไปด้วย ทั้งเศรษฐกิจสังคม การดำรงชีวิต 

นายอนุทิน ตอบข้อสงสัยของสังคมกรณีเลิกเล่นโซเชียล ว่า ในความเป็นรัฐมนตรีมีหน้าที่หนึ่ง เป็นนักการเมืองอีกหน้าที่หนึ่ง การโจมตีทางการเมืองผ่านโซเชียลมีสูง ที่ต้องพักการเล่นโซเชียล เพราะสมัยก่อนชอบล่นถึงขั้นติด วันนี้มีเรื่องโควิด ต้องทำให้สมองเคลียร์ ไม่วอกแวก ทำให้อารมณ์ดี ไม่มีใครชอบถูกด่าทุกวัน จึงเห็นว่าไม่ควรเอาตัวเองเข้าไป เป็นการรักษาระยะห่างกับโซเชียล เหมือนการรักษาระยะห่างให้ปลอดโควิด-19

ส่วนที่ว่าหากนายกรัฐมนตรีปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ยังต้องการอยู่ กระทรวงสาธารณสุขต่อหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อยากเป็นตลอดเวลา เพราะอยากอยู่ในที่ที่อยู่แล้วทำงานได้ ทำแล้วสบายใจ ตั้งแต่มีเหตุโควิด ตนไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ แต่มีความรู้ด้านบริหารจัดการ และมั่นใจว่าจะสามารถบริหารงานให้กระทรวงนี้เป็นที่ยอมรับในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]