fbpx

BIG STORY : เปิดข้อมูลสำคัญที่ ศบค.ต้องจับตาสถานการณ์

กรุงเทพฯ 12 เม.ย.- การพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในไทยลดลง แต่หลายฝ่ายยังเตือนว่าอย่า “การ์ดตก” ซึ่ง ศบค.แสดงความกังวลชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ป่วยเพิ่มขึ้น


ข้อมูลจาก ศบค.รายงาน “จำนวนผู้ป่วยยืนยันตามปัจจัยเสี่ยงจำแนกรายสัปดาห์” ในห้วงสัปดาห์ที่ 12-16 ซึ่งมีแนวโน้มลดลง โดยปัจจัยเสี่ยงกลุ่มแรก คือ “กลุ่มสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้” พบว่าสัปดาห์ที่ 12 มีผู้ติดเชื้อ 63 คน แต่สัปดาห์ที่ 13 พบติดเชื้อเพิ่ม 227 คน ก่อนพีคสุดในสัปดาห์ที่ 14 จำนวน 329 คน แต่หลังจากนั้นในสัปดาห์ที่ 15 (ห้วงหลังประกาศเคอร์ฟิว) มีจำนวนลดลงเหลือ 193 คน และเริ่มสัปดาห์ที่ 16 ในวันนี้ (12 เม.ย.) พบผู้ป่วย 15 คน


ปัจจัยเสี่ยงกลุ่มที่ 2 คือ “คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ” มีแนวโน้มไม่น่าไว้วางใจ เพราะตัวเลขลดลงไม่มากนัก โดยสัปดาห์ที่ 12 มีผู้ป่วย 30 คน สัปดาห์ที่ 13 มีผู้ป่วย 67 คน สัปดาห์ที่ 14 มีผู้ป่วย 94 คน และสัปดาห์ที่ 15 มีผู้ป่วย 78 คน ถือว่า 2 สัปดาห์มีตัวเลขไม่ต่างกันมากนัก ต้องติดตามสัปดาห์ที่ 16 ที่แม้วันนี้ (12 เม.ย.) ไม่พบผู้ป่วย แต่ต้องเฝ้าระวังเข้ม


ปัจจัยเสี่ยงกลุ่มที่ 3 “อาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด” พบว่าตัวเลขไม่นิ่ง โดยเรียงจากสัปดาห์ที่ 12-15 พบตัวเลขอยู่ที่ 22 คน, 64 คน, 78 คน และ 46 คนตามลำดับ ส่วนวันนี้ (12 เม.ย.) เพิ่มมา 1 คน

ปัจจัยเสี่ยงกลุ่มที่ 4 ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ ศบค.จับตามอง คือ “บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข” ข้อมูลสัปดาห์ที่ 12 ไม่มีตัวเลขผู้ป่วย แต่พอมาสัปดาห์ที่ 13 เริ่มมี 18 คน ขยับขึ้นต่อเนื่องอีก 26 คนในสัปดาห์ที่ 14 จากนั้นสัปดาห์ที่ 15 เพิ่มมาเป็น 30 คน จับตาให้ดีๆ!! เพราะเริ่มสัปดาห์ที่ 16 ในวันนี้ (12 เม.ย.) ปรากฏว่าตัวเลขเพิ่มมารวดเดียว 7 คน

สำหรับภาพรวมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่น่าจะเบาใจได้ มีทั้ง “กลุ่มสนามมวย” ที่ล่าสุดไม่พบผู้ป่วยในสัปดาห์ก่อน ส่วนกลุ่ม “สถานบันเทิง” พบ 1 คนในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนกลุ่ม “ชาวต่างชาติที่เข้าไทย” พบ 5 คนในสัปดาห์ก่อน และ กลุ่ม “ไปสถานที่ชุมชน” สัปดาห์ก่อนพบ 20 คน 

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการระบาดในประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ ศบค.แสดงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดเกี่ยวกับสถานการณ์ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน

จากข้อมูลที่ ศบค.จับตาเป็นพิเศษ ประกอบด้วย 4 ประเทศที่แวดล้อมไทย ทั้งมาเลเซีย  มีผู้ป่วยสะสม 4,530 คน ยอดติดเชื้อวันนี้ 184 คน ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ พบติดเชื้อสะสม 4,428 คน ยอดติดเชื้อวันนี้ 233 คน อินโดนีเซีย ติดเชื้อรวม 3,842 คน ติดเชื้อวันนี้ 330 คน และสิงคโปร์ ติดเชื้อรวม 2,299 คน ติดเชื้อวันนี้ 191 คน ส่วนทั้งเมียนมา, ลาว, เวียดนาม และ กัมพูชา ยังมีตัวเลขติดเชื้อไม่มาก อยู่ที่ประมาณหลักสิบ ซึ่งเหตุผลหลักที่ ศบค.ต้องจับตา เนื่องจากตัวเลขผู้ป่วย 4 ประเทศยังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะลดลงเมื่อใด

นอกจากนี้ พบว่าสถานการณ์ผู้ป่วยในเอเชียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยประเทศที่น่าเป็นห่วง คือ อินเดีย ที่มีประชากรหลักพันล้านคน ซึ่งพบผู้ป่วยสะสมมากกว่า 8,400 คน และมีแนวโน้มพุ่งสูงเกือบหลักพันคนต่อวัน ส่วนประเทศยักษ์ใหญ่อื่นๆ ในเอเชียเริ่มลดลง แต่ฝั่งอเมริกาและยุโรปยังไม่สู้ดีนัก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ตร.ขอความเป็นธรรม ปมโดนให้ออกจากราชการ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หอบหลักฐานยื่นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการ