กทม. 10 เม.ย. – นายกรัฐมนตรีแถลงภาพรวมหลังประกาศเคอร์ฟิวครบ 1 สัปดาห์ ได้รับความร่วมมือจากประชาชนมากขึ้น แต่ยังมีผู้ฝ่าฝืนกว่า 6,500 ราย ย้ำ ศบค.ยังไม่มีแนวคิดขยายเวลาเคอร์ฟิวเพิ่มเติม และจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทำให้ยอดผู้ป่วยอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ขอให้สู้ไปด้วยกัน จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภาพรวมหลังประกาศเคอร์ฟิวครบ 1 สัปดาห์ ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเพิ่มขึ้น แต่ยังมีผู้ฝ่าฝืน ชุมนุมกันในยามวิกาล กว่า 6,500 ราย ในช่วงวันที่ 3-10 เม.ย. ซึ่งไม่เป็นที่น่าพอใจนัก เนื่องจากเป็นตัวเลขที่สูงเกินไปในแง่การจำกัดการแพร่ระบาดของโรค ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ใช้กฎหมายเพิ่ม หรือประกาศเวลาเคอร์ฟิวให้มากขึ้น บุคคลที่ขาดจิตสำนึกและขาดความรับผิดชอบเหล่านี้ ขอให้แก้ไขพฤติกรรมตัวเอง ย้ำ ศบค.ยังไม่มีแนวคิดขยายเวลาเคอร์ฟิวเพิ่มเติม หรือเพิ่มการเข้าออกนอกเคหสถานในเวลานี้
นายกรัฐมนตรีขอบคุณ อสม.กว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ ที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เหมือนมดงานในการเดลิเวอรี่ หยิบยื่นสุขภาพที่ดีไปถึงหน้าประตูบ้านทุกครัวเรือน มุ่งเน้นผู้ที่กักตัวและเฝ้าระวังเชื้อ นับเป็นระบบสาธารณสุขพื้นที่ที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย
ด้านการสื่อสารในภาวะวิกฤติ ปัจจุบันยังคงมีข่าวปลอม บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขออย่าส่งต่อข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ
นับตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 100 วันแล้ว ที่เราได้ร่วมต่อสู้กันมาในสงครามโควิด-19 ในครั้งนี้ด้วยกัน การเตรียมความพร้อมและการเฝ้าระวังที่เข้มงวดตั้งแต่ต้น ความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุข และความร่วมมือของทุกฝ่าย ทำให้เรามียอดผู้ป่วยอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ มีอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศชั้นนำ และมีความพร้อมรับมือในทุกๆ ด้าน เป็นข้อพิสูจน์ว่าการดำเนินการของเรานั้นมีประสิทธิภาพ ประเทศต่างๆ ยกให้เป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการรับมือกับโควิด-19 ขอให้พวกเราทุกคนภูมิใจ เชื่อมั่นในมาตรการของรัฐ และมีวินัยอย่างเคร่งครัดในการปฏิบัติตาม
ผมขอให้สัญญาว่าเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หน้าที่ของผมก็คือดูแลคนไทยทุกคนทั้งประเทศ ขอให้สู้ไปด้วยกัน พวกเราคือทีมประเทศไทย หากเราเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ไม่มีศึกใดที่เราจะเอาชนะไม่ได้
สำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ปัจจุบัน แพทย์แผนไทย พยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในโรงพยาบาล และสถานีอนามัยต่างๆ พร้อมทั้งสมาชิก อสม. นับล้านคนทั่วประเทศ ที่ทำงานอยู่ด่านหน้า รวมถึงเจ้าหน้าที่ พลเรือน ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครและจิตอาสาทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือดูแล และให้บริการประชาชนในวิกฤตินี้ ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง ย้ำทุกท่านคือความหวัง คือฮีโร่ในหัวใจของผม และในหัวใจของคนไทยทั้ง 70 ล้านคน ขอขอบคุณในความเสียสละของทุกท่าน
นายกฯ ออกข้อกำหนดใหม่ (ฉบับ 3) ยกเว้น 7 กลุ่ม ออกนอกเคหสถานช่วงเคอร์ฟิวได้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามในข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 3) โดยให้ยกเลิกความในส่วนที่เป็นข้อยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถาน และให้ใช้ข้อยกเว้นดังต่อไปนี้แทน
1. พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้ช่วยพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ ของราชการ หรือตำรวจ ทหาร หรือพลเรือนที่อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอื่น
2. การสาธารณสุข ทั้งผู้ป่วย ผู้มีความจำเป็นต้องพบแพทย์และผู้ดูแลบุคคลดังกล่าว หรือแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องปฏิบัติงาน
3. การขนส่งสินค้า ประโยชน์ของประชาชน ทั้งผู้ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิง ไปรษณีย์ภัณฑ์ พัสดุภัณฑ์ หนังสือพิมพ์ หรือสินค้าเพื่อการนำเข้า หรือส่งออก
4. การขนส่งหรือขนย้ายประชาชน ทั้งผู้ขนส่งหรือขนย้ายประชาชนไปสู่เอกเทศของทางราชการ หรือของตนเอง เพื่อการเฝ้าระวังหรือจัดการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อหรือผู้เดินทางมาจาก หรือไปยังท่าอากาศยาน หรือสถานที่ขนส่งตามที่ทางราชการอนุญาต และให้เปิดทำการได้
5. การบริการ หรืออำนวยความสะดวกประชาชน ทั้งผู้บริการคนไร้ที่พึ่ง ผู้บริการเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานีน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้บริการส่งสินค้าหรืออาหารตามสั่ง ผู้บริการตรวจสอบหรือซ่อมบำรุงไฟฟ้า ประปา ระบบระบายน้ำ ระบบท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผู้บริการจัดเก็บและกำจัดขยะมูลฝอย ผู้บริการซ่อมแซมและปรับปรุงโครงข่ายและอุปกรณ์ในการสื่อสารโทรคมนาคม ผู้บริการด้านธนาคาร ตลาดทุน ประกันภัย การกู้ภัย การป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ ผู้จำเป็นต้องดำเนินการในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือจำเป็นต้องติดต่อราชการกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือพนักงานสอบสวน
6. การประกอบอาชีพซึ่งจำเป็นต้องกระทำภายในช่วงเวลาพิเศษ ได้แก่ ผู้เข้าออกเวรยาม กะ หรือการทำงานตามผลัดเวลาที่กำหนดไว้ตามปกติ ของทางราชการ เอกชน โรงงาน หรือการดูแลรักษาความปลอดภัย ผู้ประกอบอาชีพประมง การกรีดยาง การตรวจรักษาสัตว์
7. เหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะราย จากพนักงานเจ้าหน้าที่
ในกรณีข้อ 1 ถึง 6 ให้บุคคลที่มีความจำเป็นดังกล่าวแสดงบัตรประชาชน หรือบัตรแสดงตนอย่างอื่น และเอกสารรับรองความจำเป็น เอกสารเกี่ยวกับสินค้า บริการการเดินทางหรือหลักฐานอื่นๆ ต่อเจ้าหน้าที่
ในกรณีข้อ 7 ให้แสดงเหตุจำเป็นพร้อมหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าสถานีตำรวจ หรือผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่ออนุญาต
ในกรณีที่มีการกระทำความผิดในกฎหมายอื่น และเป็นความผิดตามข้อกำหนดใน ม.9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ด้วย ให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดทุกฐานความผิดโดยเร็ว. – สำนักข่าวไทย