สำนักข่าวไทย 9 เม.ย.- “พล.อ.ประวิตร” สั่งเด็ดขาดให้ทุกหน่วยเร่งแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันภาคเหนือให้หมดไปโดยเร็ว
วันนี้ (9 เม.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ไฟป่า หมอกควัน ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน พร้อมประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์) ร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 ผู้แทน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ผู้บริหาร ทส. ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมการประชุม ณ ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก จังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้เข้มงวดดําเนินมาตรการในการรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน อย่างเต็มกําลังความสามารถ และได้เน้นย้ำ 1) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระดมสรรพกําลัง อุปกรณ์เครื่องมือ และอากาศยาน เข้าดับไฟ ไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง และให้ดับไฟให้สนิท พร้อมเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการประทุของไฟขึ้นซ้ำในพื้นที่เดิม 2) สั่งการไปถึง ระดับตําบล หมู่บ้าน ให้จับตากลุ่มเสี่ยง ที่มีพฤติกรรมการเผาป่า หรือหาของป่า ล่าสัตว์ สําหรับผู้ได้รับสิทธิ์ในการใช้ ประโยชน์พื้นที่ป่า เช่น การจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามแนวทาง คทช. หากพบว่ามีการเผาในพื้นที่ ขอให้ตัดสิทธิ์ทันที 3) ให้ ทุกหน่วยงานคุมเข้มและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ให้มีการเผาตลอดช่วงห้ามเผาที่จังหวัดกําหนด และเร่ง เตรียมการรับมือการเผาสําหรับเกษตรกรหลังพ้นช่วงห้ามเผาด้วย ส่วนการจุดไฟเผาป่าต้องหาตัวผู้กระทําผิดให้ได้ และให้เร่งส่งฟ้องและดําเนินคดีโดยเร็ว พร้อมทั้ง ให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด แถลงข่าวการจับกุมและดําเนินคดี เพื่อเป็นการป้อง ปรามและเป็นตัวอย่างให้ประชาชนรับรู้ 4) ให้จังหวัดดูแลสุขภาพประชาชนจากมลพิษหมอกควัน ส่งเสริมการจัด safe zone ที่บ้าน เพื่อลดผลกระทบจากมลพิษ และเป็นไปตาม แนวทางการเฝ้าระวัง COVID-19 5) สําหรับปัญหาหมอกควัน ข้ามแดน ให้ ทส. หยิบยกประเด็นการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน หารือกับประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชาใหม่ เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และหากพบการเพิ่มขึ้นอย่างมากของจุดความร้อนในประเทศเพื่อนบ้าน ให้ประสานงานกับสํานักเลขาธิการอาเซียนอย่างใกล้ชิด 6) ให้กองทัพภาคที่ 3 และจังหวัดชายแดน เจรจาสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง หากมีความจําเป็นหรือมีการร้องขอความช่วยเหลือในการดับไฟ ให้พิจารณาช่วยเหลือตามความเหมาะสม และ 7) หลังสิ้นสุดสถานการณ์ ให้ ทส. ร่วมกับ กองทัพภาคที่ 3 จัดการถอดบทเรียน AAR เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดและยั่งยืนต่อไป
จากนั้น พล.อ.ประวิตร เดินทางไปลานอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย ตรวจเยี่ยมและให้กําลังใจ พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพและอุปกรณ์จําเป็นต่อการปฏิบัติงาน เพื่อสร้างขวัญกําลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน อาสาสมัคร และจิตอาสา ที่ร่วมเป็นกําลังสําคัญในการป้องกันและดับไฟป่า ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน และขอให้ทุกคนเดินหน้าช่วยกันป้องกันและดับไฟป่าอย่างเต็มที่ รวมถึงช่วยขยายผลสร้างการรับรู้ สร้าง แนวร่วมในการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้อันมีค่าให้คงอยู่ถึงลูกหลานต่อไป.-สำนักข่าวไทย