วีระศักดิ์ เชียร์ใช้เงินกู้เพื่อการฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 8 เม.ย.- “วีระศักดิ์” เชียร์ใช้เงินกู้เพื่อการฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทโดยให้ประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วมดูแล ตรึงให้คนอยู่บ้าน ฟื้นฟูถิ่น


นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ระบุถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติครั้งประวัติศาสตร์อนุมัติพ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท วานนี้ (7เม.ย.) ว่า  เป็นการกู้มาตั้งเป็นงบประมาณพิเศษให้ใช้จ่ายเพื่อป้องกันและบำบัดรักษาโควิด-19 ในกระบวนงานด้านสาธารณสุขถึง 6 แสนล้านบาท นับว่าสร้างความอุ่นใจให้คนสายบริการสุขภาพได้อย่างดีเยี่ยม 

นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนอีก 4 แสนล้านบาท คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้ใช้เพื่อการฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจ โดยระบุไว้เป็น 2 ประเภท คือประเภทแรก ใช้สร้างความเข้มแข็งของ “เศรษฐกิจชุมชน” และประเภทที่สอง ใช้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระดับ “พื้นที่” ซึ่งครม. วางจุดเน้นให้มาแล้วเงิน 4 แสนล้านนี้ ต้องใช้เพื่อชุมชนในพื้นที่ นี่จึงไม่ใช่งบกระตุ้นเศรษฐกิจแบบใช้ทำอะไรก็ได้ และไม่ใช่งบให้ไปแข่งปั้นหาผู้ชนะจำนวนน้อย ๆ ที่เป็นเลิศ แต่ให้ใช้ ฟื้นฟู ทั้งสังคมและเศรษฐกิจระดับพื้นที่


“เงินนี้จึงควรส่งตรงไปที่กองทุนที่ประชาชนในชุมชนได้ดูแลออกแบบมีส่วนร่วมมาก ๆ กองทุนไหนมี ขาใหญ่คุมอยู่ก็ไม่พึงใส่ไปให้ เตะหมูเข้าปากโควิดเปล่า ๆ และควรให้ชาวบ้านติดตามผลกันอย่างกว้างขวางในพื้นที่ด้วย ส่วนราชการแค่กำกับอยู่ไม่ไกล คอยสนับสนุนประคับประคองก็พอ อย่าได้ไปแย่งทำโครงการจากชาวบ้านอีกเลย ระบบคุณพ่อรู้ดีนี่ทำพังแล้วก็รับผิดชอบไม่เคยไหว และนี่คือเงินกู้มา รัฐต้องรอเอาภาษีไปชดใช้คืน ซึ่งยังมองภาพไม่ค่อยออกว่า กว่าประชาชนและเศรษฐกิจจะฟื้นตัวมาจ่ายภาษีได้ใหม่จะอยู่ราว พ.ศ. ไหน” นายวีระศักดิ์ กล่าว

นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า มีข้อเสนอว่า เมื่อเงินไปถึงกองทุนที่ภาคประชาชนเป็นคนขับเคลื่อนแล้ว ควรเน้นการซื้อ การจ้างในระดับท้องถิ่นให้มาก จะซื้อปัจจัยใดก็ตาม ควรเฟ้นหาจากสิ่งที่มีการผลิตได้โดยชาวบ้านก่อน ให้เงินมุ่งไปสนับสนุนที่กระบวนการผลิตของพวกเขา ถ้าจะจ้างแรงงาน ก็ควรจ้างคนในท้องถิ่นที่ยังว่างงานก่อน เพื่อให้เขาอยู่ในท้องถิ่นนั้น ทำสาธารณะประโยชน์ให้ท้องถิ่น จะเป็นการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อม จะจ้างเขาเหล่านั้นไปดูแลช่วยเหลือผู้เปราะบางในท้องถิ่นให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น 


นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นงบพิเศษหนเดียวจบไม่ใช่งบประจำ ดังนั้น เป้าหมายการจ้างจึงควรเน้นให้ผู้รับจ้างทำในสิ่งที่จะเกิดผลประโยชน์ที่ใช้สอยได้นาน ๆ เช่น จ้างมาปรับปรุงทางเท้า ทำราวกันตกให้ปลอดภัยขึ้น ทั้งในพื้นที่สาธารณะและในเคหะสถานของกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ หรือสถานที่ ที่มีเด็ก ๆ การจ้างไปปรับปรุงห้องน้ำ การทำทางลาด ราวจับ เปลี่ยนสายไฟฟ้า เพิ่มจุดส่องสว่าง หรือทำเรื่องลานกิจกรรมขนาดเล็ก ๆ ดูแลง่าย ใช้ได้สารพัดประโยชน์ เช่น เทพื้นทำลานตากผลผลิตทางการเกษตรระดับหมู่บ้าน ทำโรงเรือนกลางของชุมชนในการเก็บรักษา หรือพัฒนาแปรรูปผลผลิต เป็นต้น

นายวีระศักดิ์ ยังเสนอให้ใช้งบมาทำต่อยอดระบบออนไลน์ให้ชุมชนใช้ติดตามและนำเสนอผลผลิตของตนไปสู่ตลาดโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง เศรษฐกิจชุมชนจะเข้มแข็งถ้าลดการนำเข้าปัจจัยการผลิต ลดการพึ่งพาคนกลางในการเข้าถึงตลาด เข้าถึงบทวิเคราะห์และข้อมูลเพื่อบริหารความเสี่ยงใช้ฝึกทักษะดิจิทัลให้ตัวแทนชุมชนก็ไม่เลว รวมถึงใช้งบนี้เพื่อให้ชุมชนนำไปร่วมกันพัฒนาแหล่งเก็บ และวิธีปันน้ำ เพื่อให้เป็นการบริหารจัดการน้ำท่วม น้ำขาดและน้ำแล้งที่ชุมชนดูแลเองได้ เพราะน้ำเป็นปัจจัยการผลิตที่เลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจชุมชนจะฟื้นฟูได้จึงต้องมีแหล่งน้ำที่บริหารกันเองได้ในระดับชุมชน

“ขณะที่คนหนุ่มสาวที่กลับมาจากเมืองก็เป็นทรัพยากรที่ชุมชนพึงรักษาไว้ โอกาสกระจุกตัวในเมืองใหญ่คงไม่กลับมาง่าย ๆ อย่างที่เคยแล้ว ระบบอัตโนมัติ ระบบหุ่นยนต์ และระบบกระจายความเสี่ยงต่าง ๆ จะทำให้แหล่งงานเชิงอุตสาหกรรมค่อยๆ หดหายไปอย่างมองไม่ทันเห็น  การให้คนหนุ่มสาวเข้ามีส่วนร่วมในการออกแบบระบบการผลิต การค้า การแปรรูป และการดูแลบุคลากรเปราะบางทางสังคมอย่างมีคุณค่า จึงต้องรวมเข้าไปในแผนฟื้นฟูชุมชนทางสังคมและเศรษฐกิจด้วย” นายวีระศักดิ์ กล่าว

นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า หนุ่มสาวสามารถช่วยคิดช่วยทำเรื่องบริหารท่องเที่ยวโดยชุมชน ใช้งบฝึกทักษะ ฝึกภาษา ฝึกการตลาด ฝึกทำมาตรฐานความปลอดภัยเป็นฐานการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป ขณะที่โควิด-19 ทยอยคืนสมดุลทางธรรมชาติ กลับเข้าทุกพื้นที่ทั่วโลก สิ่งเดียวที่โควิดบังคับทุกพื้นที่ให้ใช้กันอย่างสิ้นเปลืองมากช่วงนี้ คือพลาสติก ที่เป็นสิ่งป้องกันการติดเชื้อที่ราคาถูกกว่าวัสดุอื่น แต่กำจัดได้ยาก ถ้าการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชนมีที่มาจากการฟื้นฟูรากฐานการดูแลสิ่งแวดล้อม การฝึกหัดจัดการขยะ การขจัดวัชพืช การขจัดสารพิษ การขจัดฝุ่นควันและไฟเผาวัสดุการเกษตร ตลอดถึงการปล่อยไฟเผาป่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ควรหยุดลงให้ได้ งบประมาณเพื่อการฟื้นฟู 4 แสนล้านบาทนี้ จึงจะส่งผลทั้งการได้จ้างงานเป็นเวลาสั้น ๆ ได้ประโยชน์สาธารณะระยะกลาง และได้ทรัพยากรธรรมชาติที่สมดุลขึ้น และสะอาดขึ้นในระยะยาว

“หากกระบวนงานในทั้งหมดนี้ทำไปอย่างมีสำนึกและสติในการป้องกันการระบาดซ้ำของโควิด-19 ด้วยชุมชน ก็จะได้สุขภาวะและอนามัยชุมชนอันพึงปรารถนาตลอดเส้นทาง สำคัญที่สุดคืออย่าให้เงินนี้โลภ อย่าให้ใครมาแทะเล็ม อย่าเผลอแฝงประโยชน์ ขอเชียร์ให้งบนี้ ช่วยตรึงให้คนอยู่บ้าน ฟื้นฟูถิ่น ห่างกันด้านกาย แต่หวนใกล้ชิดสนิทกันทางสังคมขึ้นมาใหม่ กายไร้โรค ไม่รอเพียงโชคในการผลิต คิดอย่างพอเพียง แล้วชีวิตจะเพียงพอเอง” นายวีระศักดิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]