กรุงเทพฯ 6 เม.ย.-เทพไทย้ำเสนอตัดงบลงทุนปี 63 ประมาณ6.9 แสนล้านบาท เอามาแก้ปัญหาโควิด19 ชี้มากกว่าตัดงบ20%ของทุกกระทรวง
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการประชุมของคณะรัฐมนตรีที่ได้หารือเรื่องการตัดงบประมาณจากทุกกระทรวง 10% โดยไม่เกี่ยวกับรายจ่ายประจำหรือเงินเดือนเพื่อมาใช้ในการสู้กับวิกฤติโควิด-19 และเห็นชอบออก พ.ร.ก. 3 ฉบับ คือ 1.พ.ร.ก.การให้อำนาจ ธปท.ออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ (ซอฟท์โลน) 2.พ.ร.ก.การให้อำนาจ ธปท.ซื้อตราสารหนี้เอกชนที่ครบกำหนดชำระ 3.พ.ร.ก.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ว่า ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีดำริให้ตัดงบประมาณของทุกกระทรวง 20% เป็นวงเงิน 6.6แสนล้านบาท ซึ่งอาจจะกระทบต่อภาพรวมในการทำงานของแต่ละกระทรวงได้ ส่วนตัวยังยืนยันในความคิดเดิม ต้องการให้รัฐบาลตัดงบลงทุนทั้งหมดในงบประมาณปี 2563 ซึ่งมียอดวงเงินประมาณ 6.9 แสนล้านบาท ซึ่งมียอดเงินรวมสูงกว่าการตัดงบประมาณ 20% จากทุกกระทรวง และจะมีผลกระทบเฉพาะโครงการในการลงทุน หรือการพัฒนาเท่านั้น หากรัฐบาลหยุดโครงการก่อสร้างต่างๆในห้วงเวลาหนึ่งปี ก็จะไม่สร้างความเสียหายต่อการพัฒนาประเทศมากนัก รัฐบาลต้องนำเงินจากงบประมาณด้านการลงทุนทั้งหมด ไปเป็นค่าใช้จ่ายใน2ส่วนคือสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์, จัดซื้อเครื่องตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับโรงพยาบาลประจำจังหวัดทุกแห่ง เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19ฟรีให้กับทุกคน, ขยายโรงพยาบาลเตรียมรองรับผู้ป่วยและการรักษาฟรี, จัดเป็นสวัสดิการให้กับแพทย์-พยาบาล และบุคลากรด้านสาธารณสุขทุกคน, จัดซื้อหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์แจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วประเทศ นอกจากนี้เอาไปใช้เป็นเงินเดือนให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกสาขาอาชีพ เช่น คนจน คนหาเช้ากินค่ำ คนตกงาน คนเร่ร่อน คนไม่มีจะกิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เป็นค่าเช่าที่อยู่อาศัยฯลฯ
นายเทพไท กล่าวว่าส่วนการที่รัฐบาลจะออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)3ฉบับ เพื่อนำมาใช้สู้กับวิกฤติไวรัสโควิด-19 นั้น ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง ก็พร้อมที่จะสนับสนุน และให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพื่อให้รัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤติครั้งนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ขอให้รัฐบาลยึดหลักการรักษาชีวิตของคนไทยไว้ให้ได้ ก่อนที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในโอกาสต่อไป เพราะชีวิตของประชาชนต้องมาก่อน และมีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด.-สำนักข่าวไทย