“อนุทิน” ตอบข้อสังเกต งบลงทุนมหาดไทย

รัฐสภา 4 ม.ค.-“อนุทิน” ตอบข้อสังเกต งบลงทุนมหาดไทย ย้ำยุทธศาสตร์ มุ่งพัฒนา ลดเหลื่อมล้ำ ชดเชยเสียโอกาสจากวิกฤตโควิด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวชี้แจงประเด็นที่เกี่ยวกับงบประมาณกระทรวงมหาดไทย ในการอภิปรายงบประมาณประจำปี 2567 โดยกล่าวว่า ที่ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่ากระทรวงมหาดไทย เป็นกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุด และมีสัดส่วนงบลงทุนที่สูงเมื่อเทียบกับกระทรวงอื่นๆ ก่อนอื่นต้องขอกราบเรียนว่า ข้อกังวลในการจัดทำงบประมาณแต่แรกนั้น คือความกังวลว่า งบประมาณของกระทรวงมหาดไทย จะไปหนักอยู่ที่งบปฏิบัติการหรือไม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็หมายถึงเราทำงาน routine มาก และทำงานพัฒนาน้อย ในยามที่ประเทศกำลังต้องการการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพื่อชดเชยกับความถดถอยที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิดทั่วโลก


แต่เมื่อได้จัดทำงบประมาณแล้ว มีการจัดสรรเป็นงบลงทุนกว่า 30% ของงบประมาณที่ได้รับ ตามที่ท่านสมาชิกได้กล่าวถึง ก็มีความสบายใจเป็นเบื้องต้นว่าเรามาถูกทาง ในเรื่องการจัดสัดส่วนงบประมาณ ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่เราจะพัฒนา งานของกระทรวงมหาดไทย ให้มีความทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที ตามแนวทางที่วางไว้ได้จริง

เพื่อให้ท่านได้เห็นภาพรวม ขอแจกแจงผ่านท่านประธานไปยังสมาชิก และพี่น้องประชาชนว่า ในงบประมาณวงเงิน เกือบ 4.6 แสนล้าบาท ของกระทรวงมหาดไทยนั้น จะถูกแบ่งไปยังส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชน กรมที่ดิน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค องค์การจัดการน้ำเสีย กองทันพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา


ซึ่งในวงเงินดังกล่าวสำหรับปีงบประมาณ 2567 นั้น เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณที่แล้ว คิดเป็นร้อยละประมาณ 10.5 ซึ่งเป็นสัดส่วนการเพิ่มที่สอดคล้องกับงบประมาณรัฐบาลในภาพรวม โดยหากนำงบประมาณที่จัดสรรเป็นก้อนๆทั้งหมด มาไล่เรียงจากมากไปหาน้อย ตามรายจ่ายเชิงยุทธศาสตร์ จะพบว่า ด้านที่เราใช้จ่ายเงินเป็นสัดส่วนสูงที่สุด คือ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยเป็นวงเงินถึง 3.4 แสนล้านบาทเศษ หรือคิดเป็นเกือบ 75% ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งผมเชื่อว่า เรื่องการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมนี้ ถือว่าอยู่ในลำดับความสำคัญต้นๆของการพัฒนาประเทศ และสามารถตอบสนองความต้องการลดความเหลื่อมล้ำในใจของพี่น้องประชาชนด้วย

นอกจากนี้ ยังมี “ยุทธศาสตร์” ด้านอื่นๆ ที่เราให้น้ำหนักในการจัดสรรงบประมาณ ได้แก่

ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ด้านความมั่นคง ด้านความสามารถในการแข่งขัน ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ ด้านการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ตามลำดับ


จะเห็นได้ว่า การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายในเชิงยุทธศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทยนั้น นอกจากจะสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาลแล้ว ยังสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติที่ประเทศไทยมีพันธกิจร่วมด้วย โดยเฉพาะในส่วนของการลดความเหลื่อมล้ำ ขจัดความยากจน และการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อน จึงถือเป็นการจัดสรรงบประมาณ เพื่อการพัฒนา เพื่อความก้าวหน้า อย่างแท้จริง

เพื่อให้ท่านสมาชิกและพี่น้องประชาชน พอเห็นภาพอย่างเป็นรูปธรรม จะขอไล่เรียงคร่าวๆ ถึงโครงการสำคัญที่จะดำเนินการในปี 2567 นี้ ได้แก่

โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ระยะที่ 2

โครงการที่เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการประชาชน สนองนโยบาย E-government เช่น โครงการอำนวยการบริหารการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน ในการออกหนังสือผ่านแดนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Border Pass โครงการพัฒนาระบบรองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิตัล หรือ Digital ID

โครงการสนับสนุนการบูรณาการและการขับเคลื่อนนโยบายในระดับอำเภอ การจัดการฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาชุมชน โครงการของกรมที่ดินที่เกี่ยวกับการพัฒนาสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิคส์ และการจัดการข้อมูลที่ดิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของสำนักงานที่ดิน เพื่อรองรับสำนักงานที่ดินอิเล็กทรอนิกส์ และโครงการพัฒนาบริการประเภท One Stop Service ต่างๆ เป็นต้น

นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับโครงการที่จะสร้างความมั่นคงด้านอาชีพและรายได้ให้แก่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการบริหารจัดการชุมชน การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ไปจนถึงการสร้างความมั่นคงปลอดภัยในสังคม เช่น โครงการที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การส่งเสริมสนับสนุนการจัดบริการสาธารณะด้านสาธารณสุขของท้องถิ่น เป็นต้น ซึ่งโครงการที่ยกมาเป็นตัวอย่างเหล่านี้ คือการลงทุนที่นอกเหนือจากงานบริการประชาชน ที่จะต้องพัฒนาไปตามรอบและตามแผนระยะยาวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประปาที่เรากำลังเน้นเรื่องน้ำประปาดื่มได้ ไฟฟ้า งานของกรมโยธาธิการและผังเมือง และงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีการปรับปรุงเทคนิควิธีการทำงานให้ทันสมัยขึ้น

จะเห็นได้ว่า งานของหน่วยงานที่ใช้งบประมาณภายใต้กำกับของกระทรวงมหาดไทยนั้น มีทั้งส่วนที่เป็นงานประจำ รายจ่ายประจำ และมีทั้งส่วนที่เป็นการลงทุนพัฒนา เพื่อให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และเป้าหมายใหม่ๆทั้งของรัฐบาลและของประเทศ

นอกจากนั้น เรายังให้ความสำคัญกับ การบูรณาการ กับหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งบางครั้งไม่ได้หมายถึงการใช้งบประมาณที่เพิ่มขึ้นนะครับ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ อย่างการแก้ไขหนี้นอกระบบ ซึ่งเราบูรณาการร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรืองานจัดการจราจร ลดอุบัติเหตุและอาชญากรรมในช่วงเทศกาล ซึ่งเราบูรณาการเป็นอย่างดีระหว่างฝ่ายปกครอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น

ขอเน้นว่า การบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพนั้น ไม่ได้หมายถึงการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงไม่แพ้กันคือการทำสิ่งที่ไม่ต้องใช้เงินเพิ่ม แต่มีส่วนในการเพิ่มคุณภาพชีวิตหรือรายได้ของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย การปราบปรามผู้มีอิทธิพลไม่ให้เกิดการทุจริตในท้องที่ การปรับเวลาเปิดสถานบริการที่จะเอื้อให้คนทำมาหากินได้มากขึ้นอย่างปลอดภัย การควบคุมอาวุธปืนที่จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ไม่ต้องเกิดการสูญเสียงบประมาณไปใช้ในเรื่องที่ไม่ควรเกิด หรือการสนับสนุนนโยบายฟรีวีซ่าและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลนักท่องเที่ยว ก็ล้วนแต่ก่อให้เกิดรายได้โดยไม่ต้องลงทุนงบประมาณเพิ่มมากมาย นี่คือสิ่งที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญ

ในโอกาสนี้ ขอเรียนให้ทราบด้วยว่า นอกจากงานในส่วนของกระทรวงมหาดไทย และการบูรณาการงานร่วมกันกับหน่วยงานนอกกำกับแล้ว กระทรวงที่อยู่ภายใต้กำกับของผมเองในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึง สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ก็มีการเซ็น MoU เพื่อเป้าหมายร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่กระทรวงแรงงานก็มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผลิตและพัฒนากำลังคนในภาคการศึกษาและภาคแรงงาน โดยเน้นการ Up-skill เพื่อให้เกิดโอกาสในการเพิ่มรายได้ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย แรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวง อว.

ทั้งหมด เพื่อตอกย้ำกับทุกท่านว่า นอกจากการจัดสรรงบประมาณเชิงยุทธศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว การปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงาน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกิดผลงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการ maximize หรือใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด และนี่คือแนวทางที่ผมใช้กับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานในกำกับทั้งหมด

สุดท้ายขอเรียนให้ความมั่นใจ ผ่านท่านประธานไปยังเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพี่น้องประชาชนว่า กระทรวงมหาดไทยจะใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า และเรายินดีรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อปรับปรุงในรายละเอียดที่เป็นไปได้ต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึง ส.ค.นี้

ทำเนียบ 14 พ.ค.-รัฐบาลเชิญกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมปีนี้ ทุกสถานพยาบาลทั่วประเทศ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมวัคซีนเพื่อป้องกันสายพันธุ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยจัดเตรียมวัคซีนรองรับ 4,570,000 ล้านโดส กระจายหน่วยบริการให้บริการฉีดกลุ่มเป้าหมาย ระบุเป็นวัคซีนป้องกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A(H1N1), สายพันธุ์ A (H3N2) และ สายพันธุ์ B วิคตอเรีย ที่มีประสิทธิผลและมีความปลอดภัย สปสช. กำหนดเป้าหมายเพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12 -20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์) 2. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี 3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 […]

เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 14 พ.ค.-“ชัยชนะ” เยี่ยม ด.ต. ถูก สจ.กอล์ฟ ลูก สส.ปชป. ทำร้ายในหน่วยเลือกตั้ง ย้ำพร้อมช่วยเหลือทุกกรณี หากไม่ได้รับความเป็นธรรม นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าเยี่ยมด.ต.นิสาธิต คงเทพ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ณ เรือนรับรองตำรวจชายแดนที่ 43 จังหวัดสงขลา โดยในโอกาสนี้ นายชัยชนะได้มอบกระเช้าและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครอบครัว นายชัยชนะ ได้พูดคุยกับ ด.ต.นิสาธิต ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร หากมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นหรือมีความต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด กรรมาธิการตำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ นายชัยชนะ ยังได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งขอโทษประชาชนที่เกิดความไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าพรรคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและการแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม.-312.-สำนักข่าวไทย

ปูพรมค้น 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง

ตรัง 14 พ.ค. – ตำรวจปูพรมปิดล้อม 6 จุด ตามจับแก๊งฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ล่าสุดตามยึดรถกระบะของกลางที่คนร้ายใช้ไปซื้อยางรถยนต์มาก่อเหตุ เมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) ตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังร่วมกันตรวจยึดรถกระบะโตโยต้า สีเทาดำ (สงวนหมายเลขทะเบียน) และสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายรายการ ที่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ “บิน ควนกุน” อายุ 37 ปี หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้มีอิทธิพล, นายจรณชัย สมาธิ หรือ แต้ม อายุ 32 ปี, นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือ แจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์ บุญเกื้อ […]

แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายยื่นขอความเป็นธรรมปมมติแพทยสภา

สธ. 13 พ.ค. – แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ส่งทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อสภานายกพิเศษ กรณีมติที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความส่วนตัวที่ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ กรณีที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภามีมติการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ปม “ทักษิณ ชินวัตร” รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพและเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูล หรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งนี้ มีนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง นายกองตรี […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ชวนอุดหนุนผลไม้ไทย เล็งจัด Thai Fruits Festival

ทำเนียบ 14 พ.ค.- “นายกฯ แพทองธาร” ชวนประชาชนอุดหนุนผลไม้ไทย เตรียมจัดกิจกรรม Thai Fruits Festival กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เร่งเจรจา FTA ดันการส่งออกนำผลไม้ไทยร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ ขยายตลาดสร้างโอกาสให้เกษตรกร น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์คลิปวิดีโอผ่าน TikTok ชื่อบัญชี ingshin21 เชิญชวนประชาชนอุดหนุนและรับประทานผลไม้ไทย โดยกล่าวว่า “เป็นคลิปแรกที่มาอยากมาขายของเป็นแม่ค้าหนึ่งวัน ผลไม้ไทยมีเยอะมากที่อร่อย พร้อมนำผลไม้ที่จัดใส่จาน ทั้ง มังคุด เงาะ ทุเรียน รวมถึงข้าวเหนียวมะม่วง แล้วจะมาเชิญชวนให้ พี่น้องคนไทยทุกคนให้ทานผลไม้ไทย และสองปีที่แล้ว ข้าวเหนียวมะม่วงของเราดังไปทั่วโลก ซึ่งมะม่วงของเราอร่อยจริงๆ ไปเจอที่เมืองนอกแพง แต่ที่เมืองไทยราคาดี เพราะฉะนั้นอดอุดหนุนผลไม้ไทยกันหน่อยนะคะ อร่อยด้วยราคาดีด้วย ไม่อย่างนั้นเวลาไปอยู่เมืองนอกนานๆ ซื้อที่เมืองนอกแพง ตอนนี้เมืองไทย มะม่วงราคาดีมากผลไม้ทุกอย่างก็ราคาดี และอากาศปีนี้ดีทำให้ผลไม้ค่อนข้างหวาน หาซื้อได้ง่าย ดังนั้นขอให้อุดหนุนผลไม้ไทยกันเยอะๆ” นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังระบุข้อความ ด้วยว่า “สวัสดีค่ะ ทุกคน หน้าผลไม้แล้วค่ะ ปีนี้ผลไม้ไทยผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 15% […]

ศาล รธน.สั่ง “ทวี” หยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลดีเอสไอ

ศาลรัฐธรรมนูญ 14 พ.ค.- มติศาลรัฐธรรมนูญเอกฉันท์ สั่ง “พ.ต.อ.ทวี​” หยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลดีเอสไอ และรองประธานบอร์ดคดีพิเศษ เหตุสงสัยว่าแทรกแซงรับสอบฮั้วเลือก สว. ส่วน “ภูมิธรรม” ยังรอด ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาที่ขอให้วินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ถูกร้องที่ 1 และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีผู้ถูกร้องทั้งสอง มีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการ […]

แก๊งเผานั่งยางหนีขึ้นภูเขา จนท.จัดกำลังเร่งล่า

ตรัง 14 พ.ค. – เกาะติดคดีเผานั่งยาง เจ้าหน้าที่ชุดสืบกว่า 50 นาย เร่งวางกำลังไล่ล่า 4 มือเผา หลังได้เบาะแสทั้งหมดหนีขึ้นไปบนเขา ที่โรงเรียนบ้านเขาหลัก หมู่ 7 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง ชุดสืบสวนสอบสวน ภาค 9 ชุดสืบสวนสอบตำรวจภูธรจังหวัดตรัง รวมกว่า 50 นาย พร้อมกับพราน และชาวบ้านที่ชำนาญพื้นที่ ร่วมกันวางแผนติดตาม 4 ผู้ต้องหา คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ “บิน ควนกุน” อายุ 37 ปี หัวหน้าแก๊งและเป็นผู้มีอิทธิพล, นายจรณชัย สมาธิ หรือ แต้ม อายุ 32 ปี, นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือแจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์ บุญเกื้อ […]

โป๊ปองค์ใหม่เริ่มใช้งานโซเชียลมีเดีย

วาติกัน 14 พ.ค. – สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงเริ่มใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้หลังทรงได้รับเลือกเป็นพระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงโพสต์ข้อความลงบนสื่อโซเชียลครั้งแรกเมื่อวานนี้ หลังจากทรงได้รับเลือกให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื้อหาที่โพสต์มาจากพระดำรัสของพระองค์ที่ทรงปราศรัยต่อสาธารณชนครั้งแรก และมีรูปถ่ายบางส่วนซึ่งเป็นภาพในวันแรกที่ทรงเข้ารับตำแหน่งของพระองค์ เนื้อหาข้อความที่โพสต์มีใจความว่า “ขอให้สันติสุขอยู่กับพวกท่านทุกคน นี่คือคำทักทายแรกที่พระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ ข้าพเจ้าอยากให้คำทักทายแห่งสันติสุขนี้ก้องอยู่ในใจของพวกท่าน ในครอบครัวของท่าน และในหมู่ผู้คนทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในทุกประเทศ และทั่วโลก” โป๊ปเลโอที่ 14 ทรงเลือกใช้บัญชีแพลตฟอร๋มเอ็กซ์ ที่เป็นบัญชีเดิมที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสผู้ล่วงลับ และสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเคยใช้งานมาก่อนซึ่งบัญชีดังกล่าวมีผู้ติดตามมากถึง 52 ล้านคนจากบัญชีทั้ง 9 ภาษา ส่วนแพล็ตฟอร์มอินสตาแกรมทรงใช้ชื่อบัญชีใหม่ของพระองค์เอง คือ Pontifex – Pope Leo XIV ซึ่งจะเป็นบัญชีอย่างเป็นทางการเพียงบัญชีเดียวบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นของบริษัทเมตา ล่าสุดมียอดผู้ติดตามแล้ว 3.2 ล้านคน.-816.-สำนักข่าวไทย