กลาโหม 27มี.ค.-พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเครื่องมือแพทย์ สำหรับผู้ป่วยวิกฤติ ให้ 4 โรงพยาบาลใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยวิกฤติจากโควิด-19 ขณะที่นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกเหล่าทัพพร้อมขอให้หน่วยขึ้นตรงสนับสนุนการทำงาน ศบค.และสาธารณสุขอย่างเต็มที่
พลโทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ที่มีพลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานการประชุม แทน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเครื่องมือแพทย์ สำหรับผู้ป่วยวิกฤติ ให้ 4 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช และโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยวิกฤติจากไวรัสโควิด-19 เครื่องมือแพทย์พระราชทานประกอบด้วย เครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมปริมาตรและความดัน และเครื่องวัดความอิ่มตัวออกซิเจนในเลือด รวมจำนวน 92 เครื่อง ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยโรงพยาบาลที่ได้รับจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดในการดูแลช่วยเหลือชีวิตประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยโรคระบาดครั้งนี้
พลโทคงชีพ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังได้ขอบคุณทุกเหล่าทัพที่ให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ ที่รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 อย่างเต็มความสามารถ พร้อมกันนี้ยังขอให้หน่วยขึ้นตรง ทุกเหล่าทัพสนับสนุนการทำงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การโควิด-19 (ศบค.) และส่วนราชการทุกหน่วยงานในการสู้กับการแพร่ระบาดโรคร้ายโควิด-19 นี้ และพร้อมให้การช่วยแก้ไขปัญหาการระบาดทั้ง 6 มาตรการ ประกอบด้วย สาธารณสุข ,เวชภัณฑ์ ,ให้ข้อมูลและการรับเรื่องร้องเรียน, การต่างประเทศ, มาตรการป้องกัน, มาตรการช่วยเหลือเยียวยา และขอให้สื่อสารสร้างความเข้าใจกับกำลังพลและครอบครัว อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมขอเป็นกำลังใจให้หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ที่ช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรค และกระทรวงกลาโหมพร้อมให้การสนับสนุน ทุกด้าน โดยเชื่อว่าจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้ หากประชาชนให้ความร่วมมือกับข้อกำหนดต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุขและมาตรการที่รัฐบาลได้กำหนด
พลโทคงชีพ ยังกล่าวถีงปัญหาภัยแล้ง ว่าขอทุกคนให้ความร่วมมือช่วยกันประหยัดน้ำและปลูกป่าป้องกันภัยแล้งอย่างจริงจัง และสั่งให้หน่วยขึ้นตรงให้การสนับสนุนทุกส่วนราชการอย่างเต็มความสามารถ พร้อมสร้างการรับรู้จิตสำนึกให้ใช้น้ำอย่างประหยัด แก่ประชาชนในพื้นที่ ส่วนปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก นั้นนายกรัฐมนตรี ห่วงใยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานในพื้นที่ เร่งแก้ปัญหาและทำให้สถานการณ์กลับมาปกติโดยเร็ว ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังกำชับเจ้าหน้าที่ให้ตรวจตรา ตรวจสอบ ป้องกันอัคคีภัย โดยเฉพาะพื้นที่คลังอาวุธ และส่วนงานราชการต่างๆที่เป็นจุดเสี่ยง และเตรียมพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์รองรับสถานการณ์ด้วยเช่นกัน
พลโทคงชีพ กล่าวว่ากระทรวงกลาโหมจะเชิญชวนกำลังพลที่กำลังจะปลดประจำการ ในเดือนเมษายนนี้ ให้เข้าประจำการต่อหรือสมัครเป็นนักเรียนนายสิบต่อไปได้ สำหรับชายไทยที่จะขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารจะต้องไปพบสัสดีเขตหรือสัสดีอำเภอ ในวันที่26มิถุนายน-22 กรกฎาคมนี้ เพื่อรับทราบวันที่ต้องไปรายงานตัวในวันตรวจเลือกต่อไป
เมื่อถามว่าวันนี้ในที่ประชุมได้มีการรายงานการสอบสวนเรื่องสนามมวยหรือไม่ พลโทคงชีพ กล่าวว่าไม่มีเรื่องสนามมวยเป็นเรื่องภายในของกองทัพบก และจะต้องไม่ดำเนินการอะไรที่สร้างเงื่อนไขให้เกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการกักตุนสินค้า การเป็นพาหะของโรค เพราะต้องรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมส่วนรวม
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังขอให้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยชื่อทหารที่อ้างว่ามีส่วนข้องเกี่ยวกับการกักตุนแอลกอฮอล์ เพราะไม่อยากให้ภาพลักษณ์ทหารเสื่อมเสีย และไม่อยากให้ทหารส่วนรวมเสียกำลังใจ พร้อมย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ปล่อยทหารนอกรีตเหล่านี้แน่นอน
“ไม่อยากทำให้ภาพลักษณ์กองทัพเสียหายหากมีการพาดพิงว่าทหารมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นการกักตุนสินค้า หรือเรื่องทุจริต ขอว่าอย่าพาดพิงทหารที่ตั้งใจทำงานเสียสละเพื่อประเทศชาติ หากจะพาดพิงขอให้ระบุเป็นตัวบุคคล และยืนยันว่าหากพบทหารทำผิดและแสวงประโยชน์ทำความเดือดร้อนให้ประชาชนจะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาไม่มีละเว้นอย่างแน่นอน”โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุ
พลโทคงชีพ กล่าวว่านายกรัฐมนตรี ได้กำชับกำลังพลปฎิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ทำผิดข้อห้ามตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือเป็นพาหะของโรคเสียเอง ขอให้มีความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม ทหารต้องมีวินัย เป็นแบบอย่างที่ดี ในขณะเดียวกันขอให้กำหนดมาตรการป้องกันเข้มข้นในการปฏิบัติตนของกำลังพลในสถานที่ทำงานและครอบครัวในพื้นที่พักอาศัยของหน่วยทหาร
โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวว่า พลเอก ชัยชาญ ยังบอกด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณไปถึงครอบครัวของบุคลากรทางการแพทย์ เพราะพวกเขาคือผู้เสียสละเช่นเดียวกัน นอกจากนี้อยากให้ทุกคนเห็นความเสียสละของบุคคลที่ออกทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เช่น พนักงานเก็บเงินในร้านสะดวกซื้อ พนักงานขนส่ง ฯลฯ ที่ยังเปิดให้บริการอยู่.-สำนักข่าวไทย