14 ก.ค. – เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 เวลา 18.12 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทรงเป็นประธานงาน “ปูทาง…สู่การตื่นรู้ ธรรมนาวา วัง” (ภาคประชาชน) จังหวัดเชียงใหม่ โอกาสนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลรายงานการจัดงาน
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเปิดงาน พร้อมทอดพระเนตรกิจกรรมต่าง ๆ งาน “ปูทาง…สู่การตื่นรู้ ธรรมนาวา วัง” (ภาคประชาชน) รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 จัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร รุ่นที่ 3 จัดขึ้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด รุ่นที่ 4 จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับรุ่นที่ 5 จะจัดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสนองพระราชดำริ ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
โอกาสนี้ พระราชญาณวัชรชิโนภาส (ทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ) และคณะพระสงฆ์ผู้บรรยายธรรม กล่าวถึงวัตถุประสงค์และหลักการโครงการ “ปูทาง…สู่การตื่นรู้ ธรรมนาวา วัง” (ภาคประชาชน) ธรรมนาวา “วัง” คือแนวทางหนึ่งซึ่งได้น้อมนำหลักธรรมอันประเสริฐที่พระพุทธองค์ทรงประกาศไว้ มาศึกษาและปฏิบัติด้วยตระหนักถึงคุณค่าของพระพุทธธรรม ว่าเป็นเครื่องชี้ทางสว่างแห่งปัญญา อันจะนำมาซึ่งความพ้นทุกข์ ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติตน 7 ขั้นตอน เป็นลำดับการเรียนรู้ทางแห่งดับทุกข์ ได้แก่
ขั้นที่ 1 ระลึกถึงพระรัตนตรัย
ขั้นที่ 2 ทักอารมณ์
ขั้นที่ 3 ท่องธาตุกัมมัฏฐาน 4
ขั้นที่ 4 พิจารณาร่างกาย 6 ขั้นตอน
ขั้นที่ 5 การท่องขันธ์ 5 และแยกขันธ์ 5
ขั้นที่ 6 เรียนรู้ขันธ์ 5 หรือดูขันธ์ 5 เกิด-ดับจับอารมณ์ลงขันธ์
และขั้นที่ 7 พิจารณาขันธ์ 5 ลงอริยสัจ 4
แต่ละขั้นตอนเปรียบเสมือนยา 7 เม็ด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่น้อมนำไปปฏิบัติประสบหนทางแห่งความพ้นทุกข์ มีหลักธรรมเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เข้าใจอริยสัจ 4 และใช้มรรค 8 เพื่อการดับทุกข์ การจัดงานในครั้งนี้เป็นการปูทางสู่การตื่นรู้ที่เน้นการปฏิบัติ 2 ขั้นตอนแรก หรือ ยา 2 เม็ดแรก คือ ระลึกถึงพระรัตนตรัย และทักอารมณ์
ในการนี้ ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลผลการน้อมนำหลักปฏิบัติธรรมพระราชทาน ธรรมนา ”วัง“ ที่ได้ไปปรับใช้ชีวิตประจำวัน นำไปสู่หนทางแห่งการพ้นทุกข์ แล้วทอดพระเนตรการขับร้อง “เพลงดุจดั่งสายฟ้า” และ “เพลงทางที่เดินคนเดียว” เสร็จแล้ว พระราชญาณวัชรชิโนภาส (ทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ) พร้อมด้วยคณะสงฆ์และประชาชน ประกาศพระปริตรถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระราชฐานะพุทธมามกะ และองค์อัครศาสนูปถัมภก จึงทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนเป็นผู้เจริญในธรรม อันจะเกื้อกูลให้สังคมและชาติบ้านเมืองมีความผาสุกมั่นคง. -211 สำนักข่าวไทย







