กทม. 27 มี.ค.- กทม. เพิ่มช่องทาง พบผู้ฝ่าฝืนประกาศ กทม. ทั้ง 3 ฉบับ ร้องเรียนผ่าน Line@ “อัศวิน คลายทุกข์” ขณะที่วันนี้เตรียมหารือทบทวนประกาศ กทม.ให้สอดคล้องกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับใหม่
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ฯ กทม.วานนี้ (26มี.ค.) ที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 26 มี.ค.63 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีผู้ป่วย จำนวน 418 คน เสียชีวิต 2 ราย มีผู้ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 1,617 ราย ซึ่งนับว่ามาตรการที่ กทม.ดำเนินการมามีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง โดยจากการเปรียบเทียบอัตราการเพิ่มของจำนวนผู้ป่วยในกรุงเทพฯ ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
สำหรับการจัดตั้งจุดตรวจคัดกรองด่านเข้าเมือง รวม 12 จุด ซึ่งเริ่มปฏิบัติงานวันนี้นั้น ที่ประชุมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสำนักงานเขตพื้นที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง อาทิ ติดตั้งแผงเหล็ก กรวยยาง บอลลูนไลท์ (ด่านละ 2 จุด) จัดบริการรถสุขาเคลื่อนที่ และสนับสนุนด้านอื่นๆ ตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องขอ
พร้อมเพิ่มช่องทางร้องเรียนหากพบผู้ฝ่าฝืนประกาศกทม. ทั้ง 3 ฉบับ ผ่าน Line@ “อัศวิน คลายทุกข์” สืบเนื่องจากที่ได้มีประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ทั้ง 3 ฉบับ นั้น กรุงเทพมหานครได้กำชับให้สำนักงานเขตติดตามตรวจสอบอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ดีหากประชาชนพบเห็นการฝ่าฝืนประกาศกรุงเทพมหานคร ทั้ง 3 ฉบับ อาทิ มีการชุมนุมคน หรือการเปิดสถานประกอบการที่ได้ห้ามไว้ สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ Line@ “อัศวิน คลายทุกข์” : @aswinbkk เพื่อจะประสานสำนักงานเขตพื้นที่เข้าไปประชาสัมพันธ์ หรือดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป
นอกจากนี้ในวันนี้ (27 มี.ค.)จะมีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 6/2563 ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ฯ กทม. จึงเห็นควรเสนอให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร พิจารณาแนวทางข้อปฏิบัติและข้อแนะนำสำหรับกิจการDelivery ทั้งในส่วนมาตรการที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการ ผู้ส่งอาหาร การบรรจุอาหาร การจัดภาชนะรองรับอาหารของผู้รับ รวมทั้งจะเสนอให้พิจารณาทบทวน หรือปรับปรุงประกาศของกรุงเทพมหานคร ทั้ง 3 ฉบับที่ออกมา ให้เหมาะสมสอดคล้องกับพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้วย .-สำนักข่าวไทย