กรุงเทพฯ 26 มี.ค. – กกร.ขอรัฐดูแลโรงงานผลิตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับภาคเศรษฐกิจอย่างรุนแรง พร้อมของดจ่ายประกันสังคม 4 เดือน ทั้งลูกจ้างและนายจ้าง
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.จัดประชุมนัดพิเศษ ภายหลังรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงภายหลังการประชุมว่า ตามที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ในส่วนของ กกร.พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐหยุดยั้่งการแพร่กระจาย โดยมีข้อเสนอเพิ่มเติมภาครัฐช่วยให้ภาคการผลิตมีการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องของโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นยิ่งยวดและการขนส่งสินค้า เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าที่จำเป็นขาดแคลน ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร น้ำตาล น้ำมันปาล์ม เครื่องจักรกลการเกษตร การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ พลาสติก แก้วและกระจก เยื่อกระดาษ อลูมิเนียม อุตสาหกรรมยา สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ผู้ผลิตไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซ พลังงานหมุนเวียน และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ
สำหรับธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับภาคเศรษฐกิจอย่างรุนแรงสามารถดำเนินการได้ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เวชภัณฑ์การแพทย์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ธนาคาร ธุรกิจการเกษตร พลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงอุตสาหกรรมต้นน้ำ ที่ต้องป้อนอุตสาหกรรมข้างต้น ช่องทางการจัดจำหน่าย การขนส่งโลจิสติกส์
นอกจากนี้ กกร.ยังขอให้ภาครัฐพิจารณางดจ่ายประกันสังคมสำหรับลูกจ้างและนายจ้าง เป็นระยะเวลา 4 เดือน ช่วยเหลือลูกจ้างที่ว่างงานหรือถูกเลิกจ้างจากเดิมช่วยร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 80 ขอเลื่อนจ่ายค่าน้ำและค่าไฟออกไป 4 เดือน โดยควรมีผลตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป หักค่าใช้จ่ายได้ 3 เท่า กรณีใช้งบประมาณเพื่อป้องกันโควิด-19 ระบบสาธารณูปโภคให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง หน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจติดต่อกับภาคเอกชน สามารถให้บริการทางออนไลน์ และผู้ขนส่งสินค้าสามารถส่งสินค้าได้ตลอดทั้งวันโดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มาตรการของภาครัฐส่งผลกระทบต่อด้านเศรษฐกิจ สังคม และธุรกิจบริการในวงกว้าง ซึ่งรัฐบาลออกมาตรการเยียวยาเบื้องต้นแล้ว เชื่อว่า สถานการณ์จะต่อไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งภาคธุรกิจบริการพร้อมอาสาทำงานร่วมกับภาครัฐ และยังจ้างงานไม่ให้เกิดภาระสังคม จะส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อยากเชิญชวนคนไทยทุกคนใส่หน้ากากและหลีกเลี่ยงเดินทางไปยังที่สาธารณะ และพร้อมผลักดันสื่อสารปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐ และจะเร่งรัดจัดหาหน้ากากทั้งด้านการผลิตและการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยภาครัฐควรสนับสนุนและกระจายเวชภัณฑ์ เทสคิทสำหรับตรวจโรคและการผลิตยา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังพร้อมประสานความร่วมมือกับ ศอฉ.ร่วมพลังช่วยเหลือประชาชน พร้อมสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ อาหาร น้ำ เงินบริจาค.-สำนักข่าวไทย
