อ.จะนะ เข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 กลุ่มเสี่ยงกักตัว 14 วัน รับผิดชอบสังคม

สงขลา 25 มี.ค. – อ.จะนะ จ.สงขลา เข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ผู้มาติดต่อราชการต้องล้างมือ ตรวจคัดกรอง และงดการสัมผัสในระยะใกล้ชิด พร้อมติดตามกลุ่มเสี่ยงเฝ้าระวังกักตัว โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงทั้งจากมาเลเซีย และ กทม.


เจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมด้วยนายสุรินทร์ สุริยะวงศ์ นายอำเภอจะนะ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองลงพื้นที่ ติดตามตรวจสอบบุคคลในพื้นที่ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากทางการมาเลเซียปิดด่านพรมแดนเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา และ จ.สงขลา ออกประกาศห้ามบุคคลทุกสัญชาติผ่านเข้า-ออกด่านพรมแดนก่อนหน้านี้ ส่งผลให้แรงงานไทยในมาเลเซียที่มีภูมิลำเนาใน อ.จะนะ เดินทางกลับบ้านจำนวนหนึ่ง และบางส่วนที่เดินทางกลับจาก กทม. พบว่าส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม. รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ออกตรวจสอบกลุ่มเสี่ยง และให้กักตัวเองออกจากบุคคลอื่นเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งการลงพื้นที่สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง 


เช่นกรณีของนายดนรอหมาน วาหะรักษ์ ชาวบ้าน ต.ท่าหมอไทร เดินทางกลับมาจากมาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ได้แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ และสมัครใจกักกันตนเอง​ 14​ วัน​ ตามมาตรการเฝ้าระวังโรค​โควิด-19 บอกว่าอยากให้ทุกคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงรับชิดชอบต่อส่วนรวมและคนที่รัก เพื่อให้เราผ่านการระบาดของโรคให้ได้


ส่วนที่ว่าการอำเภอจะนะ จ.สงขลา วันนี้ยังคงมีประชาชนเดินทางมาใช้บริการตามปกติ ซึ่งอำเภอได้เพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้นตั้งแต่ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งการจัดเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำผู้มาติดราชการ ทุกคนจะต้องล้างมือด้วยสบู่และเจลล้างมือที่ทางอำเภอจัดไว้ให้ ก่อนเข้าติดต่อราชการทุกคน และจำกัดให้เฉพาะคนที่มาติดราชการเข้าพื้นที่เท่านั้น เช่นผู้มาติดต่อที่สำนักทะเบียนราษฎร จะมีการตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องก่อนอนุญาตให้เข้าสำนักงาน แจกบัตรคิว ส่วนผู้ที่ยังไม่ถึงคิว ทางอำเภอจัดสถานที่ให้รอภายในศาลาประชาคม นั่งเว้นระยะห่างกว่า 1 เมตร เพื่อลดลดความเสี่ยงโควิด-19 

สำหรับ อ.จะนะ มีกลุ่มที่เดินทางกลับจากไปประกอบพิธีทางศาสนาที่มาเลเซีย และยังคงกักตัวอยู่ 7 คน ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่กลับจากสนามมวย กทม. กักตัวเอง 2 คน กักตัวแล้วไม่พบเชื้อ 6 คน. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง