ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 122 คนยอดสะสม 721 คน

สธ. 23 มี.ค.- สธ.พบผู้ป่วยโควิด เพิ่มอีก 122 คน ยอดรวม 721 คน วอนคนไทยเข้าใจสถานการณ์โรค ร่วมควบคุม ด้วยการปฏิบัติกักตัว 14 วัน ไม่คลุกคลีคนสูงอายุ มองเหตุการณ์คนแห่กลับบ้านเพิ่มความเสี่ยงให้คนสูงอายุในต่างจังหวัด แจงตัวเลขคนป่วยเพิ่มเพราะส่วนใหญ่ปรับการตรวจยืนยันเหลือแล็บเดียวให้ทันสถานการณ์โรค แต่หากคนไทยเพิกเฉยไม่ร่วม คุมโรค มีระยะห่าง ตัวเลขคนป่วยไทยอาจสูงเท่าอิตาลี ขอให้ทุกคนเข้าใจร่วมกันปฏิบัติ พร้อมทำหนังสือเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ประจำด่านควบคุมโรค หลังคนไทย แรงงานต่างด้าวแห่กลับ 


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธาณณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่าพบผู้ป่วยเพิ่ม 122 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 721 คน กลับบ้านได้แล้ว 52 คน เหลือรักษาในโรงพยาบาล 668 คน ยังคงเป็นกลุ่มผู้ป่วยเดิมที่มีการติดตามไว้ ในกลุ่ม สนามมวย 4 คน เป็นทั้งพี่เลี้ยงนักมวย คนดู  อยู่ใน จ.นนทบุรี นครปฐม อุบลราชธานี และผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด รวม 16 คน  ผู้ที่เดินทางต่างประเทศ  คนส่งของ นักเรียน พนักงานนวด  ญาติผู้ใหญ่ในกลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ 10 คน มีทั้งผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ คนขับรถ ดีเจ และมีชาวต่างประเทศ รวมอยู่ด้วย เยอรมัน ฝรั่งเศส ส่วนคนไทย มีมาจากพื้นที่ กทม. สุราษร์ธานี ร้อยเอ็ด และยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนโรค 92 คน  ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 7 คน 


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยที่พบในขณะนี้ยังเป็นกลุ่มวัยทำงาน เป็นชายมากกว่าหญิง อายุระหว่าง 30-39 ปี  รองลงมา 20-29 ปี ทั้งนี้ห่วงกรณีประชาชนแห่กลับบ้าน จาก กทม.ไปต่างจังหวัด ให้ช่วยกันเฝ้าระวัง 14 วัน เพื่อความปลอดภัย ไม่ติดแพร่ไปสู่คนใกล้ชิด  โดยวันนี้ได้ ประสานขอกำลังคนเพิ่มการคัดกรองที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตามจุดต่างๆ จากกระทรวงกลาโหม และทางด้านกฎหมายได้มีการตั้งคณะกรรมการ  เฉพาะกิจประจำช่องทางการเข้าออกระหว่างประเทศ โดยใช้กลไกคณะกรรมการการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 6 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ , สนามบินดอนเมือง มีผู้ตรวจราชการฯ เขต 4 เป็นผู้บัญชาการ , สนามบินภูเก็ต ให้ผู้ตรวจฯ เขต 11 เป็นผู้บัญชาการฯ  , สนามบินเชียงใหม่ ผู้ตรวจฯ เขต 6 เป็นผู้บัญชาการ   เช่นเดียวกับช่องทางการเข้าออกตามด่านทางบก ซึ่งด่านนั้นอยู่ที่จังหวัดใดก็ให้ผู้ตรวจราชการฯ เขตในพื้นที่นั้นเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ อาทิ  ด่าน 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีผู้ตรวจฯ เขต 12 เป็นผู้ดูแล , ด่านแม่สาย จ.เชียงราย ผู้ตรวจเขต 1 ดูแล , ด่านแม่สอด จ.ตาก ผู้ตรวจฯ เขต 2 ดูแล, ด่านหนองคาย ผู้ตรวจฯ เขต 8 ดูแล, อุบลราชธานี ผู้ตรวจฯ เขต 10 ดูแล, สระแก้ว ผู้ตรวจฯ เขต 6 ดูแล หลังจากมีทั้งคนไทย และแรงงานต่างด้าวแห่กลับ 


นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(รองปลัด สธ.)กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจากเปลี่ยนวิธีการตรวจยืนยันในห้องปฏิบัติการใหม่ จากต้องรอยืนยัน 2 แล็บ เป็นเหลือแล็บเดียวเพื่อความรวดเร็ว  ทันสถานการณ์ สถานการณ์ในวันนี้ อยากให้ประชาชนเข้าใจ ที่แจ้งเตือนให้มีระยะห่าง 1-2 เมตร เพื่อไม่ให้เราต้องเผชิญสถานการณ์เหมือนกับอิตาลี อิหร่าน แต่หากเรามีระยะห่างที่เหมาะสม ไม่เคลื่อนย้ายไปแพร่โรคสู่ผู้อื่น สถานการณ์ของไทยก็จะเหมือนกับญี่ปุ่นและสิงคโปร์  ที่ผ่านมา 2 เดือน สามารถคุมโรคได้ แต่เพิ่มภายหลังเกิดเหตุการณ์สนามมวย และสถานบันเทิง 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า การที่ประชาชนแห่กลับบ้านในต่างจังหวัด ห่วงเรื่องของการแพร่เชื้อในรถ ยิ่งนานเท่าไหร่ อาจมีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อในคนไม่แสดงอาการ ตัวเลขของไทยจากนี้ก็เหมือนกับประเทศอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นแตะหลัก 100 คน จากนี้ก็จะยังเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระยะ หากเราช่วยกันก็จะลดอัตราการเพิ่มของผู้ป่วย เหมือนกับกราฟที่จะเริ่มชันขึ้น ไประยะหนึ่งถึงจะลง ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำมีระยะห่าง ไม่ไปใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง คนสูงอายุ กราฟก็จะค่อยเปลี่ยนๆลง และการระบาดชะลอตัว ไม่เช่นนั้น การเพิ่มผู้ป่วยจะมากขึ้น ไปได้ถึง 1,000  คน หรือหลาย 10,000 คน ภายใน 1-2 สัปดาห์  การหยุดเฝ้าระวังตนเองเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคม และประเทศ ช่วงนี้ยังเป็นเวลาทองของการป้องกันโรคได้ แต่ทุกคนต้องร่วมมือ หยุดเชื้อ กลับบ้านอย่าคลุกคลี ก๊งเหล้า ก็อาจเพิ่มเชื้อ  

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้มีการสำรองเตียง 10,000 เตียงไว้รองรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงและผู้ป่วยหนัก 2,000-3,000 คน การดูแลผู้ป่วยที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามสื่อสาร ส่งสัญญาณ เตือนและห้ามการเดินทาง ลดการสัมผัสใกล้ชิดเพื่อไม่ให้โรครุนแรง พบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น หากมีจำนวนมากบริการสาธารณสุขอาจดูแลไม่ทั่วถึงเหมือนอิตาลี สหรัฐอเมริกา โรคโควิด-19 นี้ พบว่าผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อายุ 70-80 ปี ยืนยันการติดเชื้อในอิตาลี ไม่ได้รุนแรงกว่าเชื้อในประเทศอื่น .-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

ฝนถล่มน้ำท่วมหลายพื้นที่ ส่งสัญญาณรับมือฤดูน้ำหลาก

เชียงราย 27 มิ.ย. – ชาวบ้านอย่างน้อย 4,000 ครอบครัวใน 5 อำเภอของเชียงราย เดือดร้อนหนักจากน้ำท่วม หลังฝนตกทั้งคืน โดยเฉพาะ อ.พญาเม็งราย วัดปริมาณฝนได้กว่า 300 มิลลิเมตร น้ำท่วมสูงเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ล่าสุดแม้ระดับน้ำที่ท่วมหลายจุดเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะน้ำท่วมครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้เตรียมรับมือฤดูน้ำหลากในปีนี้.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ คุยตรง “มาครง” หวังฝรั่งเศสประสานเอื้อเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 27 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” หารือ “ปธน.มาครง” ทางโทรศัพท์ กระชับความสัมพันธ์ ยันให้ความสำคัญกับบทบาทศูนย์กลางของอาเซียนรับมืออาชญากรรมข้ามชาติ-ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ย้ำ ไทยหนุนกลไกล JBC ทำงานเดินหน้าด้วยดี หวัง ฝรั่งเศส ประสานความร่วมมือ เอื้อเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 16.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีมาครง แสดงความยินดีที่ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ยืนยันความตั้งใจที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไทย–ฝรั่งเศส สู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์โดยเร็ว พร้อมแสดงความยินดีหากประธานาธิบดีมาครง จะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในห้วงที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (Organisation Internationale de la Francophonie : OIF) ที่กัมพูชาในปีหน้า ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ รวมถึงเชิญเข้าร่วมการประชุม Paris Peace Forum ที่ฝรั่งเศส เช่นกัน […]

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

“ภูมิธรรม” เผยวงถก สมช. ยังคุมเข้มมาตรการชายแดนกัมพูชา

ทำเนียบ 27 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยที่ประชุม สมช. ยังคุมเข้มมาตรการชายแดนกับกัมพูชา แต่ไม่เพิ่มมาตรการ เชื่อสถานการณ์จะดีขึ้น ความรุนแรงเป็นสิ่งสุดท้ายในการแก้ปัญหา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่าวันนี้มีการพิจารณาทบทวนมาตรการต่างๆ ในการดูแลพื้นที่ชายแดนมั้งหมด ยังยืนยันปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ยังใช้มาตรการเดิมเพราะเป็นมาตรการที่ยังใช้ได้ และยืนยันจะใช้สันติวิธีและพยายามหลีกเลี่ยงผลกระทบ ไม่ให้ประชาชนสองฝ่ายได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังมีมาตรการสนับสนุนเจรจาของทั้งสองฝ่าย ส่วนการปิดด่านผ่านแดง ยังอยู่ใน ขั้นที่หนึ่งและสอง คือการจำกัดเวลาเข้าออก และการอนุญาตตัวบุคคล สิ่งที่กัมพูชาประกาศมาตรการใดๆ ออกมา โดยเฉพาะเรื่องการปิดด่านต่างๆ ถือเป็นเหตุและผลของกัมพูชา แต่ของไทยยังยืนยันในความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา ส่วนมากมาตรการ seal stop safe อยากให้กลับไปทบทวน ว่า สิ่งที่ดำเนินการไป 3-4 เดือน ให้เร่งดำเนินการประเมินผล ว่ายังต้องคงมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า อยู่หรือไม่เพราะขณะนี้ชายแดน ส่วนที่เป็นปัญหาอยู่เดิมเริ่มลดน้อยลง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เข้าไปลึกกว่านั้น ก็ต้องดูว่าจะจัดการอย่างไร โดยมอบหมายให้คณะเล็กไปพิจารณาดำเนินการ ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เสนอให้ยกเลิกการจัดกิจกรรม ครบรอบจากสถาปนาความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม […]