ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 122 คนยอดสะสม 721 คน

สธ. 23 มี.ค.- สธ.พบผู้ป่วยโควิด เพิ่มอีก 122 คน ยอดรวม 721 คน วอนคนไทยเข้าใจสถานการณ์โรค ร่วมควบคุม ด้วยการปฏิบัติกักตัว 14 วัน ไม่คลุกคลีคนสูงอายุ มองเหตุการณ์คนแห่กลับบ้านเพิ่มความเสี่ยงให้คนสูงอายุในต่างจังหวัด แจงตัวเลขคนป่วยเพิ่มเพราะส่วนใหญ่ปรับการตรวจยืนยันเหลือแล็บเดียวให้ทันสถานการณ์โรค แต่หากคนไทยเพิกเฉยไม่ร่วม คุมโรค มีระยะห่าง ตัวเลขคนป่วยไทยอาจสูงเท่าอิตาลี ขอให้ทุกคนเข้าใจร่วมกันปฏิบัติ พร้อมทำหนังสือเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ประจำด่านควบคุมโรค หลังคนไทย แรงงานต่างด้าวแห่กลับ 


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธาณณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่าพบผู้ป่วยเพิ่ม 122 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 721 คน กลับบ้านได้แล้ว 52 คน เหลือรักษาในโรงพยาบาล 668 คน ยังคงเป็นกลุ่มผู้ป่วยเดิมที่มีการติดตามไว้ ในกลุ่ม สนามมวย 4 คน เป็นทั้งพี่เลี้ยงนักมวย คนดู  อยู่ใน จ.นนทบุรี นครปฐม อุบลราชธานี และผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด รวม 16 คน  ผู้ที่เดินทางต่างประเทศ  คนส่งของ นักเรียน พนักงานนวด  ญาติผู้ใหญ่ในกลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ 10 คน มีทั้งผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ คนขับรถ ดีเจ และมีชาวต่างประเทศ รวมอยู่ด้วย เยอรมัน ฝรั่งเศส ส่วนคนไทย มีมาจากพื้นที่ กทม. สุราษร์ธานี ร้อยเอ็ด และยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนโรค 92 คน  ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 7 คน 


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยที่พบในขณะนี้ยังเป็นกลุ่มวัยทำงาน เป็นชายมากกว่าหญิง อายุระหว่าง 30-39 ปี  รองลงมา 20-29 ปี ทั้งนี้ห่วงกรณีประชาชนแห่กลับบ้าน จาก กทม.ไปต่างจังหวัด ให้ช่วยกันเฝ้าระวัง 14 วัน เพื่อความปลอดภัย ไม่ติดแพร่ไปสู่คนใกล้ชิด  โดยวันนี้ได้ ประสานขอกำลังคนเพิ่มการคัดกรองที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตามจุดต่างๆ จากกระทรวงกลาโหม และทางด้านกฎหมายได้มีการตั้งคณะกรรมการ  เฉพาะกิจประจำช่องทางการเข้าออกระหว่างประเทศ โดยใช้กลไกคณะกรรมการการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 6 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ , สนามบินดอนเมือง มีผู้ตรวจราชการฯ เขต 4 เป็นผู้บัญชาการ , สนามบินภูเก็ต ให้ผู้ตรวจฯ เขต 11 เป็นผู้บัญชาการฯ  , สนามบินเชียงใหม่ ผู้ตรวจฯ เขต 6 เป็นผู้บัญชาการ   เช่นเดียวกับช่องทางการเข้าออกตามด่านทางบก ซึ่งด่านนั้นอยู่ที่จังหวัดใดก็ให้ผู้ตรวจราชการฯ เขตในพื้นที่นั้นเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ อาทิ  ด่าน 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีผู้ตรวจฯ เขต 12 เป็นผู้ดูแล , ด่านแม่สาย จ.เชียงราย ผู้ตรวจเขต 1 ดูแล , ด่านแม่สอด จ.ตาก ผู้ตรวจฯ เขต 2 ดูแล, ด่านหนองคาย ผู้ตรวจฯ เขต 8 ดูแล, อุบลราชธานี ผู้ตรวจฯ เขต 10 ดูแล, สระแก้ว ผู้ตรวจฯ เขต 6 ดูแล หลังจากมีทั้งคนไทย และแรงงานต่างด้าวแห่กลับ 


นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(รองปลัด สธ.)กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจากเปลี่ยนวิธีการตรวจยืนยันในห้องปฏิบัติการใหม่ จากต้องรอยืนยัน 2 แล็บ เป็นเหลือแล็บเดียวเพื่อความรวดเร็ว  ทันสถานการณ์ สถานการณ์ในวันนี้ อยากให้ประชาชนเข้าใจ ที่แจ้งเตือนให้มีระยะห่าง 1-2 เมตร เพื่อไม่ให้เราต้องเผชิญสถานการณ์เหมือนกับอิตาลี อิหร่าน แต่หากเรามีระยะห่างที่เหมาะสม ไม่เคลื่อนย้ายไปแพร่โรคสู่ผู้อื่น สถานการณ์ของไทยก็จะเหมือนกับญี่ปุ่นและสิงคโปร์  ที่ผ่านมา 2 เดือน สามารถคุมโรคได้ แต่เพิ่มภายหลังเกิดเหตุการณ์สนามมวย และสถานบันเทิง 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า การที่ประชาชนแห่กลับบ้านในต่างจังหวัด ห่วงเรื่องของการแพร่เชื้อในรถ ยิ่งนานเท่าไหร่ อาจมีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อในคนไม่แสดงอาการ ตัวเลขของไทยจากนี้ก็เหมือนกับประเทศอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นแตะหลัก 100 คน จากนี้ก็จะยังเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระยะ หากเราช่วยกันก็จะลดอัตราการเพิ่มของผู้ป่วย เหมือนกับกราฟที่จะเริ่มชันขึ้น ไประยะหนึ่งถึงจะลง ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำมีระยะห่าง ไม่ไปใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง คนสูงอายุ กราฟก็จะค่อยเปลี่ยนๆลง และการระบาดชะลอตัว ไม่เช่นนั้น การเพิ่มผู้ป่วยจะมากขึ้น ไปได้ถึง 1,000  คน หรือหลาย 10,000 คน ภายใน 1-2 สัปดาห์  การหยุดเฝ้าระวังตนเองเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคม และประเทศ ช่วงนี้ยังเป็นเวลาทองของการป้องกันโรคได้ แต่ทุกคนต้องร่วมมือ หยุดเชื้อ กลับบ้านอย่าคลุกคลี ก๊งเหล้า ก็อาจเพิ่มเชื้อ  

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้มีการสำรองเตียง 10,000 เตียงไว้รองรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงและผู้ป่วยหนัก 2,000-3,000 คน การดูแลผู้ป่วยที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามสื่อสาร ส่งสัญญาณ เตือนและห้ามการเดินทาง ลดการสัมผัสใกล้ชิดเพื่อไม่ให้โรครุนแรง พบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น หากมีจำนวนมากบริการสาธารณสุขอาจดูแลไม่ทั่วถึงเหมือนอิตาลี สหรัฐอเมริกา โรคโควิด-19 นี้ พบว่าผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อายุ 70-80 ปี ยืนยันการติดเชื้อในอิตาลี ไม่ได้รุนแรงกว่าเชื้อในประเทศอื่น .-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย