ตลาดหลักทรัพย์ 25 ก.ย.- REAL25 เทรดวันแรกใน LiVEx เปิดเทรดวันแรก ที่ 25.25 บาทเพิ่มขึ้น จากราคา IPO 21.13 บาท เพิ่มขึ้น 4.12 บาท หรือคิดเป็น 19.50% นายกฯ เซอร์ไพรส์ร่วมเปิดเทรด
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) พร้อมด้วย นายภูกิจ ดิศธรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ วันแรกในไลฟ์เอ็กซ์เช่นจ์ของ บมจ. เรียล สมาร์ท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า“REAL25” เปิดเทรดวันแรก ที่ 25.25 บาทเพิ่มขึ้น จากราคา IPO 21.13 บาท เพิ่มขึ้น 4.12 บาท หรือคิดเป็น 19.50% มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 722.17 ล้านบาท
โดยในระหว่าง พิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีกำหนดเข้าหารือกับภาคตลาดทุนไทย ที่ตลาดหลักทรัพย์ ได้เข้ามาร่วมสังเกตุการณ์โดยไม่มีใครทราบล่วงหน้า ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก พร้อมกล่าวทักทายแสดงความยินดีและร่วมถ่ายภาพในพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ จากนั้นจึงเดินทางเข้าหารือกับภาคตลาดทุน
บริษัทเรียล สมาร์ท จำกัด (มหาชน) ประกาศการยกระดับองค์กรก้าวสำคัญ พร้อมนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ วันนี้ (25 ก.ย.) ในชื่อ “REAL25” มุ่งพัฒนาเทคโนโลยี บุคลากรด้านดาต้า เทค และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สู่ผู้นำด้านเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Tech) ตั้งเป้ารายได้-กำไรเติบโต 30% ต่อปี
นายภูกิจ ดิศธรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเงินที่ได้จากการระดมทุน นำมาลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) และ พัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับการให้บริการ (Software as a Service หรือ SaaS) และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มความสามารถในการขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้ พัฒนาบุคลากร ลงทุนโครงสร้างทีมที่มีความสามารถทั้งวิทยาศาสตร์ข้อมูล วิศวกรรมข้อมูล และ การออกแบบธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับการขยายฐานสู่ตลาดในภูมิภาคเอเชียในอนาคต โดยมีเป้าหมายรายได้และกำไรเติบโตไม่น้อยกว่า 30% ต่อ ปี ต่อเนื่องตามแผนธุรกิจ 5 ปี พร้อมกับมีแผนที่จะขยายการให้บริการไปในระดับภูมิภาค เรามีเป้าหมายที่จะเป็น Data Tech ในระดับภูมิภาคเอเชีย
สำหรับผลดำเนินงาน ปี 2567 มีรายได้รวม 197.95 ล้านบาท ลดลง 13.32% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวม 228.37 ล้านบาท และ มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 37.34 ล้านบาท ในปี 2567 เทียบกับกำไรสุทธิ 19.43 ล้านบาท ในปี 2566 ซึ่งผลการดำเนินงานที่ขาดทุนในปี 2567 มาจากการขยายการลงทุนในการพัฒนาแพลตฟอร์ม และด้านเทคโนโลยี ต่อเนื่อง หลังจากการระดมทุนครั้งนี้ ผลดำเนินงานในปี 2568-2572 จะมีอัตราการเติบโตและดำเนินธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ โดยพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาด MAI (Market for Alternative Investment) ภายในปี 2570”
ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระบุว่า มูลค่าตลาดของ AI Revolution ในประเทศไทยจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 114,000 ล้านบาท ในปี 2573 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และ ประมาณว่าในส่วนของ Data Analytics Software มีมูลค่าตลาด 92,000 ล้านบาท ในปี 2568 คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น(Compound Annual Growth Rate : CAGR) อยู่ที่ 18.3% ในปี 2568 และ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง.-516.-สำนักข่าวไทย